ปลาทองมอนสโตร
ตอนที่เลซีย์ สก๊อตอยู่ที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงของเธอ ปลาที่ดูเซื่องซึมตรงก้นตู้สะดุดตาเธอ เกล็ดของปลานั้นเปลี่ยนเป็นสีดำและเริ่มมีแผลตามตัว เลซีย์ช่วยชีวิตปลาอายุ 10 ปีตัวนั้น โดยตั้งชื่อให้มันว่า “มอนสโตร” ตามชื่อวาฬในนิทานเรื่อง พินอคคิโอ และเอามันใส่ไว้ในตู้ “พยาบาล” เปลี่ยนน้ำให้มันทุกวัน มอนสโตรมีอาการดีขึ้นอย่างช้าๆ มันเริ่มว่ายน้ำและตัวใหญ่ขึ้น เกล็ดสีดำของมันเปลี่ยนเป็นสีทอง การทุ่มเทดูแลเอาใจใส่ของเลซีย์ทำให้มอนสโตรหายดี!
ในลูกา 10 พระเยซูทรงเล่าถึงเรื่องของคนเดินทางที่ถูกทุบตี ถูกปล้น และทิ้งไว้เกือบจะตายแล้ว ทั้งปุโรหิตและคนเลวีที่ผ่านมาต่างละเลยความเจ็บปวดของชายคนนั้น แต่ชาวสะมาเรียซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ถูกรังเกียจ ได้ช่วยเหลือดูแลและกระทั่งจ่ายเงินเพื่อรักษาเขา (ลก.10:33-35) พระเยซูทรงเรียกชายสะมาเรียในเรื่องนี้ว่าเป็น “เพื่อนบ้าน” แท้ และทรงหนุนใจให้ผู้ที่ฟังพระองค์ทำเช่นเดียวกับชายนั้น
สิ่งที่เลซีย์ทำกับปลาทองที่กำลังจะตาย คือสิ่งที่เราสามารถทำกับผู้คนที่ขัดสนรอบตัวเรา ทั้งคนไร้บ้าน คนตกงาน คนพิการ และ “เพื่อนบ้าน” ผู้โดดเดี่ยวที่อยู่ในเส้นทางของชีวิตเรา ขอให้ความทุกข์ยากของพวกเขาสะดุดตาเราและนำเราให้ตอบสนองด้วยการใส่ใจดุจเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การทักทายอย่างสุภาพ การแบ่งปันอาหาร การช่วยเหลือด้านการเงินเล็กๆน้อยๆ พระเจ้าจะทรงใช้เราอย่างไรให้มอบความรักของพระองค์แก่ผู้อื่น ความรักนั้นที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้
อาหารที่บอกว่าฉันรักคุณ
ฉันไปร่วมงานรวมญาติฉลองวันเกิดของครอบครัวหนึ่งซึ่งเจ้าภาพใช้หัวข้อ “ของโปรด” ในการตกแต่งสถานที่ เตรียมของขวัญ และที่ยอดเยี่ยมที่สุดคืออาหาร เพราะเด็กหญิงเจ้าของวันเกิดชอบทานสเต๊ก สลัด และบันด์เค้กไวท์ช็อคโกแลตกับราสเบอร์รี่ เจ้าภาพจึงย่างสเต๊ก ทำผักโขมปั่น และสั่งเค้กของโปรด ซึ่งอาหารโปรดเหล่านี้เป็นการบอกว่า “ฉันรักเธอ”
พระคัมภีร์บันทึกถึงงานเลี้ยง งานฉลอง และงานเทศกาลหลายครั้ง มีการเชื่อมโยงการรับประทานอาหารเข้ากับการเฉลิมฉลองความสัตย์ซื่อของพระเจ้า เทศกาลเลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการด้วยเครื่องบูชาที่ชาวอิสราเอลถือปฏิบัติ (ดู กดว.28:11-31) ทั้งในเทศกาลปัสกา เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลขึ้นหนึ่งค่ำซึ่งจัดขึ้นทุกเดือน และในสดุดี 23:5 พระเจ้าทรงเตรียมสำรับอาหารอันอุดมและถ้วยซึ่งเต็มล้นด้วยพระเมตตาและความรัก บางทีการจับคู่อาหารและเหล้าองุ่นที่หรูหราที่สุดที่เคยมี คือตอนที่พระเยซูทรงหักขนมปังและชูถ้วยน้ำองุ่น ซึ่งเล็งถึงของประทานแห่งความรอดจากการสิ้นพระชนม์บนกางเขนของพระองค์ จากนั้นพระองค์ทรงท้าทายเราว่า “จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา” (ลก.22:19)
ในวันนี้เมื่อคุณรับประทานอาหาร ให้ใช้เวลาสักครู่เพื่อคิดถึงพระเจ้าผู้ทรงสร้างทั้งปากและท้องและจัดเตรียมอาหารแก่คุณ ซึ่งเป็นดั่งภาษาแห่งความรักของพระองค์ เพื่อเฉลิมฉลองถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ พระเจ้าของเราทรงเลี้ยงดูเราอย่างสัตย์ซื่อ ทรงตอบสนองความต้องการอันยิ่งใหญ่ของเราด้วยการจัดเตรียมอันสมบูรณ์แบบของพระองค์ เพื่อบอกว่า “เรารักเจ้า”
ผลไม้ขายต้นไม้
เจ้าของร้านต้นไม้เตรียมจะขายต้นพีช เธอคิดหาวิธีต่างๆเพื่อดึงดูดลูกค้า เธอควรนำต้นกล้าที่มีใบดกมาจัดวางในกระสอบผ้าให้สวยงาม หรือควรทำแผ่นโฆษณาสีที่มีภาพต้นพีชเติบโตตามฤดูกาลต่างๆดี สุดท้ายเธอก็คิดออกว่าอะไรที่จะทำให้ขายต้นพีชได้ ซึ่งก็คือผลผลิตของต้นพีชที่มีกลิ่นหอมหวาน สีส้มเข้ม และมีเปลือกอ่อนนุ่ม วิธีที่ดีที่สุดในการขายต้นพีช คือเด็ดผลพีชสุก ผ่าออกให้น้ำของลูกพีชไหลหยดลงมาตามแขนของคุณ และยื่นพีชหนึ่งชิ้นให้ลูกค้า เมื่อพวกเขาได้ชิมผลไม้แล้ว พวกเขาก็จะอยากได้ต้นไม้
พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองในรูปแบบของผลฝ่ายพระวิญญาณที่อยู่ในผู้ติดตามพระองค์ คือในความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ (ความอดทน) ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม และการรู้จักบังคับตน (กท.5:22-23) เมื่อผู้เชื่อในพระเยซูแสดงออกถึงผลเหล่านั้น ผู้อื่นก็จะอยากได้เช่นกัน แล้วพวกเขาก็จะแสวงหาแหล่งกำเนิดของผลที่น่าดึงดูดใจเหล่านั้น
ผลเหล่านี้คือผลลัพธ์ภายนอกที่เกิดจากความสัมพันธ์ภายใน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของเรา ผลเหล่านี้คือภาพลักษณ์ที่ดึงดูดให้ผู้อื่นมารู้จักพระเจ้าที่เรานำเสนอ เช่นเดียวกับลูกพีชสีสดใสที่โดดเด่นออกมาจากใบสีเขียวของต้นไม้ ผลของพระวิญญาณก็ประกาศแก่โลกที่อดอยากว่า “ที่นี่มีอาหาร! ที่นี่มีชีวิต! จงมาแสวงหาทางที่จะหลุดพ้นจากความเหน็ดเหนื่อยและท้อใจ มาและพบกับพระเจ้า!”
คำอธิษฐานที่ติดขัด
ฉันรู้สึกกังวลตอนที่น้องชายตัวน้อยเข้ารับการผ่าตัด แม่อธิบายว่าเขามีอาการ “ลิ้นติด” (การยึดตัวของพังผืดใต้ลิ้น) ตั้งแต่กำเนิด หากไม่ได้แก้ไข เขาจะสูญเสียความสามารถในการกินและพูดในที่สุด ปัจจุบันเราใช้คำว่าลิ้นติดเพื่ออธิบายถึงภาวะที่เรานึกคำพูดไม่ออกหรือไม่กล้าพูด
บางครั้งเราก็อาจมีภาวะลิ้นติดในขณะอธิษฐาน คือไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ลิ้นของเราผูกติดอยู่กับความคิดที่คร่ำครึในฝ่ายวิญญาณและวลีซ้ำๆ เราพุ่งเป้าความรู้สึกของเราไปที่สวรรค์โดยสงสัยว่าคำพูดเหล่านั้นจะไปถึงพระกรรณของพระเจ้าหรือไม่ ความคิดของเราวกวนไปมาบนเส้นทางที่ไม่มีเป้าหมาย
อัครทูตเปาโลเขียนถึงผู้เชื่อชาวโรมันในศตวรรษแรกถึงสิ่งที่ควรทำเมื่อไม่รู้ว่าจะอธิษฐานอย่างไร โดยท่านเชื้อเชิญให้เราขอความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ “พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ” (รม.8:26) แนวคิดของคำว่า “ช่วย” ในที่นี้คือการแบกภาระหนัก และการ “คร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ” บ่งบอกถึงการทรงสถิตอยู่ของพระวิญญาณโดยการอธิษฐานวิงวอน เพื่อจะนำความต้องการของเราไปยังพระเจ้า
เมื่อเรามีภาวะลิ้นติดไม่รู้ว่าจะอธิษฐานอะไร พระวิญญาณของพระเจ้าจะช่วยหล่อหลอมความสับสน ความเจ็บปวด และความว้าวุ่นใจของเราให้กลายเป็นคำอธิษฐานที่สมบูรณ์แบบที่เคลื่อนจากใจเราไปสู่พระกรรณของพระเจ้า พระองค์ทรงสดับฟังและตอบ และทรงนำการปลอบโยนที่เราอาจไม่เคยรู้ว่าเราต้องการจนกระทั่งเราทูลขอให้พระองค์ทรงอธิษฐานเพื่อเรา
ร้องไห้โดยไม่ต้องขอโทษ
“ขอโทษนะคะ” คาเรนกล่าวขอโทษที่เธอร้องไห้ หลังจากสามีเสียชีวิต เธอทำงานหนักเพื่อดูแลลูกๆที่เป็นวัยรุ่น เมื่อสมาชิกผู้ชายในคริสตจักรจัดทริปพักแรมในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อให้พวกเธอได้ทำอะไรสนุกๆ และให้เธอได้พักผ่อน คาเรนร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ และกล่าวขอโทษซ้ำไปซ้ำมาที่เธอน้ำตาไหล
ทำไมคนมากมายต้องขอโทษที่ร้องไห้ ซีโมนซึ่งเป็นฟาริสีเชิญพระเยซูไปเสวยพระกระยาหาร ในระหว่างนั้นขณะที่พระเยซูทรงเอนพระกายลงที่โต๊ะเสวย หญิงคนหนึ่งที่เคยเป็นหญิงชั่วได้ถือผอบน้ำมันหอม “มายืนอยู่ข้างหลังใกล้พระบาทของพระองค์ ร้องไห้น้ำตาไหลเปียกพระบาท เอาผมเช็ด จุบพระบาทของพระองค์มาก และเอาน้ำมันนั้นชโลม” (ลก.7:38) หญิงนั้นแสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผยโดยไม่ขอโทษ และเอาผมของตนเช็ดพระบาทพระเยซู ด้วยความสำนึกในพระคุณและความรักต่อพระองค์ เธอเช็ดน้ำตาออกแล้วพรมด้วยจูบอันหอมกรุ่น ซึ่งเป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับเจ้าบ้านผู้มีใจแข็งกระด้าง
พระเยซูทรงตอบสนองเช่นไร พระองค์ยกย่องการแสดงความรักอย่างจริงใจนั้นและประกาศว่า “ความผิดบาปของเจ้าโปรดยกเสียแล้ว” (ข้อ 44-48)
เราอาจต้องการกลั้นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจที่กำลังจะไหลออกมา แต่พระเจ้าทรงสร้างเราให้มีความรู้สึก และเราสามารถใช้ความรู้สึกนั้นถวายเกียรติแด่พระองค์ได้ เช่นเดียวกับหญิงในพระธรรมลูกา ให้เราแสดงออกโดยไม่ต้องขอโทษถึงความรักที่เรามีต่อพระเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้ทรงจัดเตรียมให้ตามความจำเป็นของเรา และทรงรับการแสดงความขอบคุณจากเราอย่างเต็มพระทัย
พระหัตถ์ขวาของพระเจ้า
ฉันพาเจ้าวิลสันสุนัขของฉันที่อายุมากแล้วออกไปที่สนามหญ้า ในระหว่างนั้นฉันก็ปล่อยมือจากสายจูงเจ้าโค้ชสุนัขที่อายุน้อยกว่าไปชั่วขณะหนึ่ง ระหว่างที่ฉันก้มตัวลงเพื่อหยิบสายจูง โค้ชก็เหลือบไปเห็นกระต่าย มันรีบวิ่งตามไปและกระชากสายจูงจากมือขวาของฉัน ทำให้สายจูงหมุนเป็นเกลียวรัดนิ้วนางของฉัน ฉันล้มลงบนพื้นหญ้าและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หลังกลับมาจากห้องฉุกเฉินและรู้ว่าต้องผ่าตัด ฉันก็ทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า “ฉันเป็นนักเขียน! ฉันจะพิมพ์งานได้อย่างไร แล้วฉันจะทำงานประจำวันได้อย่างไร” พระเจ้าได้ตรัสกับฉันเช่นที่ทรงเคยทำในบางครั้งตอนที่ฉันอ่านพระคัมภีร์ประจำวันว่า “เพราะเราคือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า ยุดมือขวาของเจ้าไว้ คือเราเองพูดกับเจ้าว่า อย่ากลัวเลย เราจะช่วยเจ้า” (อสย.41:13) ฉันอ่านบริบทของพระคัมภีร์ตอนนี้ที่บอกว่า อิสยาห์กำลังสื่อสารพระดำรัสของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ในยูดาห์ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับพระองค์ พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะประทานการทรงสถิต กำลังและความช่วยเหลือให้กับพวกเขาโดยพระหัตถ์ขวา (ข้อ 10) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงความชอบธรรมของพระองค์ ส่วนตอนอื่นๆในพระคัมภีร์นั้น เราพบว่าพระหัตถ์ขวาของพระเจ้านำมาซึ่งชัยชนะให้กับคนของพระองค์ (สดด.17:7; 98:1)
ในช่วงหลายสัปดาห์ของการพักฟื้น ฉันได้รับการหนุนใจจากพระเจ้าขณะที่ฉันเรียนรู้ที่จะใช้คำสั่งพิมพ์ด้วยเสียงบนคอมพิวเตอร์และฝึกทำงานบ้านและดูแลตัวเองด้วยมือซ้าย จากพระหัตถ์ขวาของพระเจ้าไปจนถึงมือขวาที่หักและขัดสนของเรา พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะอยู่กับเราและช่วยเหลือเรา
คำศัพท์สำหรับความเศร้าโศก
เมื่อฮิวจ์และดีดียอมปล่อยให้ลูกคนเดียวของพวกเขาไปสวรรค์ พวกเขาสับสนไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไรหลังจากเรื่องเศร้านั้น ในภาษาอังกฤษไม่มีคำเฉพาะที่ใช้เรียกพ่อแม่ที่สูญเสียลูก ภรรยาที่ไร้สามีคือแม่หม้าย สามีที่ไร้ภรรยาเป็นพ่อหม้าย เด็กที่ไม่มีพ่อแม่คือเด็กกำพร้า พ่อแม่ที่ลูกเสียชีวิตเป็นหลุมแห่งความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบาย
การแท้งลูก การตายอย่างฉับพลันของทารก การฆ่าตัวตาย ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ความตายขโมยเด็กไปจากโลก และปล้นเอาการมีตัวตนของพ่อแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ไป
แต่พระเจ้าทรงเข้าพระทัยถึงความโศกเศร้าที่แสนเจ็บปวดนั้นเมื่อพระเยซู พระบุตรองค์เดียวทรงร้องเรียกพระองค์เมื่อใกล้จะสิ้นพระชนม์บนกางเขน “พระบิดาเจ้าข้าข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก.23:46) พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของพระเยซูก่อนที่จะลงมาบังเกิดในโลก และยังคงเป็นพระบิดาจนลมหายใจสุดท้ายของพระเยซู พระเจ้ายังทรงเป็นพระบิดาเมื่อพระกายของพระบุตรถูกวางไว้ในอุโมงค์ พระเจ้าทรงเป็นอยู่ในวันนี้ในฐานะพระบิดาของพระบุตรผู้เป็นขึ้นจากความตาย ผู้ทรงมอบความหวังแก่พ่อแม่ทุกคนว่า ลูกๆของพวกเขาจะสามารถมีชีวิตอีกครั้ง
คุณจะเรียกพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ที่ทรงยอมสละองค์พระบุตรเพื่อจักรวาลนี้ เพื่อคุณและฉันว่าอย่างไร พระบิดายังคงเป็นพระบิดา เมื่อไม่มีคำศัพท์ในหมวดของความโศกเศร้าที่ใช้อธิบายความเจ็บปวดจากการสูญเสีย พระเจ้าก็ยังทรงเป็นพระบิดาของเราและทรงเรียกเราว่าเป็นลูกของพระองค์ (1 ยน.3:1)
พระเจ้าทรงฟังอยู่ไหม
เมื่อฉันร่วมรับใช้ในทีมดูแลผู้มานมัสการในคริสตจักร หน้าที่หนึ่งของฉันคืออธิษฐานตามคำขอที่เขียนไว้ในบัตรตรงม้านั่งระหว่างการนมัสการ เผื่อสุขภาพของคุณป้า เผื่อการเงินของคู่สามีภรรยา ขอให้หลานชายได้พบพระเจ้า ฉันไม่ค่อยได้ยินถึงผลลัพธ์ของคำอธิษฐานเหล่านี้ คนส่วนใหญ่ไม่ลงชื่อไว้ และฉันไม่มีทางรู้ได้ว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานนั้นอย่างไร ต้องสารภาพว่าบางครั้งฉันก็สงสัยว่า พระองค์ทรงฟังจริงๆไหม เกิดอะไรขึ้นจากคำอธิษฐานของฉันบ้างไหม
ตลอดชั่วชีวิตของเรา พวกเราส่วนใหญ่มักตั้งคำถามว่า “พระเจ้าทรงได้ยินฉันไหม” ฉันจำได้ถึงคำทูลอ้อนวอนขอลูกของฉัน ที่เหมือนกับนางฮันนาห์ซึ่งไม่ได้รับคำตอบอยู่หลายปี และคำอ้อนวอนให้พ่อของฉันได้พบความเชื่อ แต่ท่านจากไปโดยไม่ได้มีการรับเชื่อที่ชัดเจนใดๆ
ตลอดเวลาหลายพันปีมีตัวอย่างมากมายที่เห็นได้อย่างชัดเจนของการที่พระเจ้าทรงโน้มลงมาสดับฟัง ทั้งเสียงโอดครวญของชนชาติอิสราเอลที่ตกเป็นทาส (อพย.2:24) โมเสสบนภูเขาซีนาย (ฉธบ.9:19) โยชูวาที่กิลกาล (ยชว.10:14) คำอธิษฐานขอลูกของนางฮันนาห์ (1 ซมอ.1:10-17) ดาวิดร้องขอการช่วยกู้ให้พ้นจากกษัตริย์ซาอูล (2 ซมอ.22:7)
พระธรรม 1 ยอห์น 5:14 ขยายความเรื่องนี้ให้กับเรา “ถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา” คำว่า “ฟัง” หมายถึงการเอาใจใส่และตอบสนองต่อสิ่งที่ได้ยิน
วันนี้เมื่อเราเข้าหาพระเจ้า ขอให้เรามั่นใจในพระกรรณที่คอยสดับฟังของพระองค์ซึ่งทอดยาวผ่านประวัติศาสตร์แห่งประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงได้ยินคำอ้อนวอนของเรา
หยุดพัก
นาฬิกาบอกเวลา 1:55 น. บทสนทนาทางแชทข้อความเมื่อตอนดึกทำให้ฉันหนักใจและนอนไม่หลับ ฉันปลดผ้าปูที่นอนที่พันรอบตัวออกแล้วค่อยๆเดินไปที่โซฟา ฉันค้นหาในกูเกิ้ลว่าทำอย่างไรจึงจะหลับได้ แต่กลับเจอสิ่งที่ไม่ควรทำ เช่น อย่างีบหลับ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือทำงานจนดึก ฉันเช็คผ่านทุกข้อ เมื่ออ่านต่อ มีคำแนะนำไม่ให้ดู “หน้าจอ” จนดึก อุ้ย การส่งข้อความไม่น่าใช่ความคิดที่ดี เมื่อพูดถึงการพักผ่อน มีหลายอย่างที่เราไม่ควรทำ
ในพันธสัญญาเดิม พระเจ้าทรงมอบกฎเกณฑ์เกี่ยวกับสิ่งที่ห้ามทำในวันสะบาโตเพื่อจะได้หยุดพัก ในพันธสัญญาใหม่พระเยซูทรงให้แนวทางใหม่ คือ แทนที่จะเน้นกฎระเบียบ พระองค์ทรงเรียกให้เหล่าสาวกเข้ามาสู่ความสัมพันธ์ “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข” (มธ.11:28) ในข้อก่อนหน้านั้น พระเยซูทรงชี้ถึงความสัมพันธ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันมาตลอดของพระองค์กับพระบิดาผู้ซึ่งพระองค์ทรงสำแดงแก่เรา ความช่วยเหลือที่พระบิดาทรงจัดเตรียมให้พระองค์อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่เราสามารถมีได้เช่นกัน
เราอาจรู้วิธิีหลีกเลี่ยงงานอดิเรกที่จะรบกวนการนอนหลับของเรา แต่การหยุดพักในพระคริสต์เป็นเรื่องของความสัมพันธ์มากกว่ากฎระเบียบ ฉันปิดหน้าจอที่อ่านแล้ววางหัวใจที่แบกภาระหนักลงบนหมอนแห่งคำเชื้อเชิญของพระเยซูที่ตรัสว่า “จงมาหาเรา”