ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Elisa Morgan

คำตอบที่ปรุงด้วยเกลือ

เบิร์ตวางบัตรเดบิตของเขาไว้บนบิลร้านอาหาร พนักงานเสิร์ฟหยิบมันขึ้นมา แล้วหยุดชะงักก่อนจะถามว่า “เดี๋ยวก่อนนะครับ ชายผู้นี้ที่บอกว่า ‘เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต’ เป็นใครกัน เขากล้าดียังไงถึงพูดเช่นนั้น!” เบิร์ตรู้ได้ว่าพนักงานเสิร์ฟมีปฏิกิริยาจากประโยคที่บริษัทด้านการเงินซึ่งเป็นคริสเตียนพิมพ์ลงบนบัตรเดบิตใบนั้น นั่นคือพระดำรัสของพระเยซูจากยอห์น 14:6 เบิร์ตรู้สึกขบขันต่อปฏิกิริยาของพนักงานเสิร์ฟและได้อธิบายให้เขาฟังถึงอัตลักษณ์ของ “ชายผู้นี้” และการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาเพื่อนำเราไปถึงพระเจ้า

เมื่อเราพบกับผู้คนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความเชื่อของเรา เราอาจตอบโต้ด้วยการเยาะเย้ยหรือแม้กระทั่งตัดสินพวกเขา แต่อัครสาวกเปโตรท้าทายเราว่า “จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อท่านจะสามารถตอบทุกคนที่ถามท่านว่า ท่านมีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด” (1 ปต.3:15) แล้วท่านก็เตือนว่า “จงตอบด้วยใจสุภาพและด้วยความนับถือ” (ข้อ 15) ในโคโลสี 4:6 เปาโลอธิบายถึงพลังของคำตอบเช่นนั้นว่า “จงให้วาจาของท่านประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้จักตอบให้จุใจแก่ทุกคน” เช่นเดียวกับที่เกลือช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร คำตอบที่ปรุงด้วยเกลือก็มีรสเชื้อเชิญให้ผู้อื่นอยากเข้ามาชิมความเชื่อของเราได้เช่นกัน

อาจมีคำถามเกิดขึ้นในระหว่างเหตุการณ์ที่เราคาดไม่ถึงจากผู้คนที่ไม่คุ้นเคยกับพระเยซูเลย เมื่อเราตอบด้วยความสุภาพและใจเมตตา คำตอบของเราก็จะมีรสชาติที่ดึงดูดให้ผู้ถามอยากฟังเรามากขึ้น

สู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้น !

ในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง ทอยสตอรี่ ของเล่นของเด็กคนหนึ่งจะมีชีวิตขึ้นทุกครั้งที่เขาออกจากห้องหรือนอนหลับไป ตัวละครตัวหนึ่งซึ่งเป็นนักสำรวจอวกาศชื่อบัซ ไลท์เยียร์จะตะโกนวลีซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตนในขณะที่บินไปรอบๆห้องนอนว่า “สู่ความเวิ้งว้าง(ไม่มีที่สิ้นสุด)อันไกลโพ้น!”

นี่เป็นวลีที่ทำให้หลายคนสับสน คุณจะไปได้ไกลกว่าความเวิ้งว้างไม่มีที่สิ้นสุดได้อย่างไร แล้วจะมีอะไรที่ “ไกลโพ้น” ยิ่งไปกว่านี้อีกเล่า นักคณิตศาสตร์เอียน สจ๊วร์ตอธิบายโดยอาศัยภูมิปัญญาของนักปรัชญากรีกโบราณว่า สิ่งที่ไกลโพ้นกว่าความเวิ้งว้างไม่มีที่สิ้นสุด ก็คือ ความเวิ้งว้างไม่มีที่สิ้นสุดที่ใหญ่ยิ่งกว่าขึ้นไปอีก และต่อไปอีกเรื่อยๆ

พระเยซูดูเหมือนจะทรงนำเรื่องความพยายามแบบทวีคูณเหมือนเลขยกกำลังนี้มาใช้ในเรื่องการยกโทษ เมื่อเปโตรทูลถามเรื่องการยกโทษผู้อื่นว่า “ข้าพระองค์ควรจะยกความผิดของเขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือ” พระเยซูตอบว่า “เรามิได้ว่าเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น แต่เจ็ดครั้งคูณด้วยเจ็ดสิบ” (มธ.18:21-22) และตรัสคำอุปมาเรื่องเจ้าองค์หนึ่งที่มีเมตตาและทาสที่ไม่มีเมตตา โดยทรงเน้นความสำคัญว่าเมื่อคนหนึ่งเสียใจในความผิดพลาดของตนอย่างแท้จริง เราต้องให้อภัยพวกเขาโดยไม่มีจุดสิ้นสุด เราต้องยกโทษให้ผู้อื่นเหมือนที่พระเจ้าทรงยกโทษให้เรา (ข้อ 33) ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และต่อไปเรื่อยๆ

สิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับเรา แต่นี่คือเหตุผลที่เราจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอยู่เสมอ

ด้วยกำลังของพระองค์เท่านั้นเราจึงจะทำสิ่งนี้ได้ ผู้ที่ได้รับการอภัยแล้วก็จะ ให้อภัยผู้อื่น โดยไม่มีที่สิ้นสุด!

ฟังเสียงร้องของก้อนหิน

หลังพิธีไว้อาลัยของพ่อที่ครอบครัวเราจัดขึ้นที่ริมแม่น้ำ เราแต่ละคนเก็บหินไว้คนละก้อนเพื่อระลึกถึงท่าน ชีวิตของท่านเหมือนกับเกมกระดานหมากรุกที่มีทั้งแพ้และชนะ แต่เรารู้ว่าหัวใจท่านมีแต่พวกเรา นิ้วของฉันลูบไล้ไปบนผิวเรียบๆของก้อนหินซึ่งช่วยฉันให้ระลึกถึงท่านเสมอ

ในลูกาบทที่ 19 พระเยซูเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต ขณะที่ฝูงชนโบกทางอินทผลัมพร้อมกับตะโกนร้องโฮซันนาและแซ่ซ้องว่า “ขอให้พระมหากษัตริย์ ผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ” (ข้อ 38; ดู ยน.12:12-13) พวกฟาริสีไม่พอใจเพราะคิดว่าการกล่าวอ้างว่าเป็นพระเมสสิยาห์ถือเป็นการดูหมิ่นพระเจ้าจึงบอกพระเยซูให้สั่งเหล่าสาวกหยุดโห่ร้อง พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ถึงคนเหล่านี้จะนิ่งเสีย ศิลาทั้งหลายก็ยังจะส่งเสียงร้อง” (ลก.19:40)

ก้อนหินส่งเสียงร้องในหลายรูปแบบ พระเจ้าทรงใช้ก้อนหินในการบอกถึงเรื่องราวแห่งความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อเรา หินสกัดสองก้อนที่แกะสลักบัญญัติสิบประการเพื่อสอนเราในการดำเนินชีวิต (อพย.34:1) หินแห่งความทรงจำที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดนเพื่อเตือนชนอิสราเอลทุกรุ่นให้ระลึกถึงการจัดเตรียมและความสัตย์ซื่อของพระเจ้า (ยชว.4:8-9) หินก้อนหนึ่งที่กลิ้งปิดปากอุโมงค์เก็บพระศพของพระเยซู เป็นก้อนเดียวกับที่กลิ้งออกเพื่อแสดงว่าพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ (มธ.27:59-66; ลก. 24:2) เรา “ได้ยิน” หินก้อนนี้ที่เตือนเราถึงคำตรัสของพระเยซูว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต” (ยน.11:25)

จงฟังเสียงร้องของก้อนหินและเปล่งเสียงร่วมกับหินนั้นเพื่อสรรเสริญพระบิดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักของเรา

ผู้ช่วยช้าง

กลางดึกคืนวันหนึ่ง ที่เขตอนุรักษ์ช้างของประเทศเคนย่าได้รับแจ้งว่ามีลูกช้างตกลงไปในบ่อน้ำ หน่วยกู้ภัยไปพบกับเสียงร้องอันเจ็บปวดดังก้องในความมืด และพบว่างวงของลูกช้างสองในสามส่วนถูกพวกไฮยีน่ารุมกัดหายไป เมื่อพาลูกช้างมาถึงศูนย์พักพิง พวกเขาตั้งชื่อมันว่าลองอูโร ซึ่งแปลว่า “บางสิ่งถูกตัดออก” แม้ว่าจะเหลืองวงเพียงหนึ่งในสามส่วน ลองอูโรก็หายดีและได้รับการยอมรับจากช้างตัวอื่นให้เข้าฝูงในเขตอนุรักษ์ ช้างรู้โดยสัญชาตญาณว่าพวกมันต้องการกันและกัน ดังนั้นพวกมันจึงช่วยเหลือกัน

ในพระธรรม 1 โครินธ์ 12 อัครทูตเปาโลเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เราต้องช่วยเหลือกันและกันในพระกายของพระคริสต์ ท่านได้ใช้ร่างกายมนุษย์และอวัยวะต่างๆเป็นคำอุปมาเพื่ออธิบายถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่ให้ประชากรของพระองค์ยอมรับของประทานทุกอย่างที่มีในแต่ละคน เพราะทั้งหมดล้วนจำเป็นที่จะทำให้พระกายของพระองค์ทำงานได้ดี (ข้อ 12-26) จากนั้นเปาโลอธิบายถึงการทำให้ความหลากหลายนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน “พระเจ้าได้ทรงให้อวัยวะของร่างกายเสมอภาคกัน” ท่านเขียน “ทรงให้อวัยวะที่ต่ำต้อยเป็นที่นับถือมากขึ้น เพื่อไม่ให้มีการแก่งแย่งกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนพะวงซึ่งกันและกัน” (ข้อ 24-25)

ไม่ว่าจะอ่อนแอหรือเข้มแข็ง สวยหรูหรือดูธรรมดา ขอให้เราช่วยเหลือกันและกัน มนุษย์ก็เป็นเช่นเดียวกับฝูงช้างที่ต้องการกันและกัน

การทรงดูแลที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า

เดวิด เวตเตอร์เสียชีวิตเมื่ออายุสิบสองปีหลังจากใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในบ้านลมเดวิดได้รับฉายาว่า “เดอะบับเบิ้ลบอย” เพราะเกิดมาพร้อมกับภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องขั้นรุนแรง พ่อแม่ของเขาสูญเสียลูกชายคนแรกไปด้วยโรคนี้ และมุ่งมั่นที่จะปกป้องลูกคนที่สองของพวกเขา ในการช่วยยืดอายุของเดวิด วิศวกรของนาซ่าได้ออกแบบพลาสติกเป่าลมสำหรับป้องกันให้เดวิดอยู่และชุดอวกาศเพื่อให้พ่อแม่สามารถอุ้มเขาในโลกภายนอกได้ เราทุกคนต่างปรารถนาที่จะปกป้องคนที่เรารักจริงๆ!

นาบาลสามีผู้โง่เขลาของอาบีกายิลทำผิดต่อกษัตริย์ดาวิด ด้วยความโกรธ ดาวิดต้องการไปแก้แค้นด้วยมือของพระองค์เอง อาบีกายิลรุดไปพบพระองค์พร้อมกับคำเตือนที่ชาญฉลาดว่า “แม้มีคนลุกขึ้นไล่ตามท่านและแสวงชีวิตของท่าน ชีวิตของเจ้านายของดิฉันจะผูกมัดอยู่กับกลุ่มชีวิตซึ่งอยู่ในความพิทักษ์ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน” (1 ซมอ.25:29) คำว่า “ผูกมัด” สื่อถึงการรวบรวมสิ่งของมีค่าเพื่อที่เจ้าของจะสามารถโอบอุ้มนำไปได้ อาบีกายิลเตือนว่าพระเจ้าทรงต้องการอุ้มดาวิดไว้ในกลุ่มที่ได้รับการปกป้อง พระองค์ปลอดภัยที่สุดในพระหัตถ์ของพระเจ้า ไม่ใช่ในมือของพระองค์เอง “เจ้านาย​ของ​ดิฉัน​จะ​ไม่​มี​เหตุ​ที่​ต้อง​เศร้า​ใจ​หรือ​ระกำ​ใจ เพราะ​ได้​กระทำ​ให้​โลหิต​เขา​ตก​ด้วย​ไม่​มี​สาเหตุ​หรือ​เพราะ​เจ้านาย​ของ​ดิฉัน​ทำ​การ​แก้​แค้น​เสีย​เอง” (ข้อ 31)

เป็นเรื่องดีที่เราจะปกป้องผู้อื่นในเวลาที่จำเป็น แต่โดยการดูแลที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาปลอดภัยอย่างแท้จริง

การอัศจรรย์ “ในสิ่งเล็กน้อย”

ในงานแต่งงานของเรา เดฟเพื่อนที่ขี้อายยืนอยู่ตรงมุมห้องโดยถือสิ่งของทรงสี่เหลี่ยมที่ห่อด้วยกระดาษบางๆเอาไว้ เมื่อถึงเวลาที่จะมอบของขวัญเขาจึงนำมันออกมา ฉันกับอีวานแกะห่อออกแล้วพบงานไม้แกะสลักรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีแผ่นลายไม้ทรงกลมอยู่ตรงกลางอย่างสมบูรณ์แบบ และมีประโยคที่สลักไว้ว่า “การอัศจรรย์ที่พระเจ้าทำนั้น บางอย่างก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ” แผ่นป้ายนั้นแขวนอยู่ในบ้านของเราเป็นเวลาสี่สิบห้าปีแล้ว เตือนเราครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพระเจ้าทรงกระทำกิจแม้ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ทั้งการจ่ายบิล การจัดหาอาหาร การรักษาโรคหวัด ล้วนเป็นบันทึกอันน่าประทับใจถึงการจัดเตรียมของพระเจ้าที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น

เศรุบบาเบลผู้ว่าราชการของยูดาห์ได้รับถ้อยคำที่คล้ายกันจากพระเจ้าผ่านทางผู้พยากรณ์เศคาริยาห์ เกี่ยวกับการบูรณะกรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารขึ้นใหม่ หลังกลับจากการเป็นเชลยของบาบิโลน ช่วงเวลาของกระบวนการจึงเริ่มขึ้นอย่างช้าๆ และคนอิสราเอลรู้สึกท้อแท้มากขึ้น “ใครบังอาจดูถูกสิ่งเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในวันนี้” พระเจ้าประกาศ (ศคย.4:10 TNCV) พระองค์ทรงทำให้ความปรารถนาของพระองค์สำเร็จผ่านทางเราและบางครั้งโดยที่ไม่มีเรา “‘มิใช่ด้วยกำลัง มิใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา’ พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ” (ข้อ 6)

เมื่อเรารู้สึกเหนื่อยล้ากับงานของพระเจ้าที่ดูเหมือนเล็กน้อยซึ่งทรงกระทำภายในเราและรอบๆตัวเรา ขอให้เราจดจำไว้ว่าการอัศจรรย์บางอย่างของพระองค์อาจ “เล็กน้อย” แต่พระองค์ทรงใช้สิ่งเล็กน้อย เพื่อก่อให้เกิดพระประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าของพระองค์

พรมที่มีข้อความ “ยินดีต้อนรับ”

เมื่อกวาดสายตาอ่านข้อความที่อยู่บนพรมเช็ดเท้าซึ่งวางอยู่ในร้านค้าปลีกแถวบ้าน ฉันสังเกตเห็นคำต่างๆที่อยู่บนพรม เช่น “สวัสดี!” “บ้าน” ที่ใช้รูปหัวใจแทนพยัญชนะตัวหนึ่ง แล้วฉันก็เลือกพรมที่มีข้อความชินตาว่า “ยินดีต้อนรับ” เมื่อนำมาวางที่บ้าน ฉันก็สำรวจหัวใจตัวเองว่าบ้านของฉันให้การต้อนรับในแบบที่พระเจ้าปรารถนาให้เป็นจริงๆไหม คือ ต้อนรับเด็กที่ขายช็อกโกแลตเพื่อโครงการโรงเรียน ต้อนรับเพื่อนบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือคนในครอบครัวที่มาจากนอกเมืองโดยไม่บอกล่วงหน้า

ในมาระโกบทที่ 9 พระเยซูเสด็จลงจากภูเขาที่ทรงจำแลงพระกาย ที่ซึ่งทำให้เปโตร ยากอบและยอห์นยำเกรงในการทรงสถิตขององค์บริสุทธิ์ (ข้อ 1-13) และมารักษาเด็กที่ถูกผีเข้ากับบิดาที่หมดหวัง (ข้อ 14-29) จากนั้นทรงสอนบทเรียนแก่สาวกเป็นการส่วนตัวในเรื่องการสิ้นพระชนม์ (ข้อ 30-32) แต่พวกเขาพลาดประเด็นของพระองค์อย่างร้ายแรง (ข้อ 33-34) พระเยซูจึงทรงอุ้มเด็กคนหนึ่งไว้บนตักแล้วตรัสว่า “ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้คนหนึ่งในนามของเรา ผู้นั้นก็รับเรา และผู้ใดได้รับเรา ผู้นั้นก็รับมิใช่แต่เราผู้เดียว แต่รับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาด้วย” (ข้อ 37) คำว่า รับ ในที่นี้หมายถึงการต้อนรับและยอมรับในฐานะแขกคนหนึ่ง พระเยซูต้องการให้สาวกต้อนรับทุกคน แม้แต่คนที่ดูต่ำต้อยและแม้ในเวลาที่เราไม่สะดวก ให้เหมือนกับว่าเรากำลังต้อนรับพระองค์

ฉันคิดถึงพรมที่มีข้อความว่ายินดีต้อนรับของฉัน และสงสัยว่าฉันจะหยิบยื่นความรักของพระองค์ไปถึงผู้อื่นอย่างไร ก็โดยเริ่มต้นด้วยการต้อนรับพระเยซูในฐานะแขกผู้ล้ำค่า แล้วฉันจะยอมให้พระองค์ทรงนำฉัน ในการต้อนรับผู้อื่นตามที่พระองค์ทรงปรารถนาหรือไม่

รับใช้เพื่อให้คนพอใจ

แอนดรูว์ การ์ดเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐอเมริกา ในการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับบทบาทของเขานั้น เขาอธิบายว่า “ในห้องทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ละคนจะแขวนป้ายข้อความที่แสดงถึงเป้าหมายว่า ‘เรารับใช้ตามความพอใจของประธานาธิบดี’ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเรามีหน้าที่เอาใจประธานาธิบดี หรือทำให้เขาหรือเธอมีความสุข แต่หน้าที่ของเราคือบอกถึงสิ่งที่ประธานาธิบดีจำเป็นต้องรู้เพื่อจะทำงานของตัวเอง” และงานที่ว่าก็คือการปกครองประเทศสหรัฐอเมริกา

ในบทบาทและความสัมพันธ์มากมายที่เรามี เรามักจะพยายามทำให้ทุกคนพอใจ แทนที่จะเสริมสร้างกันขึ้นให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามที่อัครทูตเปาโลมักจะเตือนเราในเอเฟซัสบทที่ 4 ว่า “ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ” (ข้อ 11-13) ในข้อ 15-16 เปาโลสรุปถึงแนวโน้มของการที่เรามักจะทำให้ทุกคนพอใจ โดยย้ำว่าเราต้องใช้ของประทานควบคู่ไปกับการ “พูดความจริงด้วยใจรัก” เพื่อที่ “ร่างกายทั้งสิ้น[จะ]...จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก”

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราจะรับใช้ผู้คนเพื่อเสริมสร้างพวกเขาและเพื่อให้บรรลุตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ว่าเราจะทำให้คนอื่นพอใจหรือไม่ก็ตาม แต่เราจะทำให้พระเจ้าพอพระทัยในขณะที่พระองค์ทรงทำงานผ่านเรา เพื่อสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในคริสตจักรของพระองค์

จากตำหนิสู่ความบริสุทธิ์

เมื่อตอนยังเด็ก ลูกสาวของฉันชอบเอาเนยแข็งสวิสที่มีรูพรุนมาเล่นขณะกินมื้อกลางวัน เธอจะเอาแผ่นเนยสีเหลืองอ่อนวางบนหน้าเหมือนเป็นหน้ากากและพูดว่า “ดูนี่สิคะแม่” ประกายตาสีเขียวของเธอลอดผ่านรูบนแผ่นเนยแข็ง ในฐานะคุณแม่วัยสาว หน้ากากเนยแข็งนั้นอธิบายสิ่งที่ฉันรู้สึกเกี่ยวกับความพยายามของตัวเองที่แม้จะทุ่มเทให้ลูกและเปี่ยมไปด้วยความรัก แต่ความพยายามนั้นก็ไม่บริสุทธิ์สมบูรณ์ ยังมีแต่รูที่เป็นตำหนิ

เราต่างปรารถนาที่จะมีชีวิตที่บริสุทธิ์ เป็นชีวิตที่แยกไว้สำหรับพระเจ้าและมีคุณลักษณะที่เป็นเหมือนพระเยซู แต่เมื่อเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ความบริสุทธิ์ก็ดูเหมือนอยู่ไกลเกินเอื้อม เหลือไว้แต่ “รูตำหนิของเรา”

ใน 2 ทิโมธี 1:6-7 เปาโลเขียนถึงบุตรที่รักของท่านคือทิโมธี โดยเตือนให้เขาดำเนินชีวิตให้สมกับการทรงเรียกอันบริสุทธิ์ แล้วเปาโลยังอธิบายว่า “[พระเจ้า] ผู้ทรงช่วยเราให้รอด และทรงเรียกเรามาสู่ชีวิตอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพราะการกระทำใดๆของเรา แต่เพราะพระประสงค์และพระคุณของพระองค์เอง” (ข้อ 9 TNCV) ชีวิตเช่นนี้เป็นไปได้ไม่ใช่เพราะลักษณะนิสัยของเรา แต่เป็นเพราะพระคุณของพระเจ้า เปาโลกล่าวต่อว่า “พระคุณนี้ได้ประทานแก่เราในพระเยซูคริสต์ตั้งแต่ก่อนจุดเริ่มต้นของเวลา” (ข้อ 9 TNCV) แล้วเราจะยอมรับพระคุณของพระองค์และดำเนินชีวิตโดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระคุณที่ทรงประทานให้เราได้หรือไม่

ไม่ว่าในการเลี้ยงดูลูก ในชีวิตสมรส การทำงาน หรือการรักเพื่อนบ้าน พระเจ้าทรงเรียกเราให้มีชีวิตที่บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นไปได้ไม่ใช่โดยความพยายามของเราที่จะเป็นคนดีพร้อม แต่โดยพระคุณของพระเจ้า

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา