สงครามดอกทานตะวัน
ผมและเจ้ากวางที่อยู่ในละแวกบ้านมีความคิดไม่เหมือนกันเกี่ยวกับดอกทานตะวัน เวลาที่ผมปลูกดอกทานตะวันในฤดูใบไม้ผลิ ผมคอยที่จะได้เห็นความงามของดอกที่บานสะพรั่ง แต่เพื่อนกวางของผมไม่สนใจในผลผลิตที่ได้ พวกมันต้องการแค่จะเคี้ยวกินลำต้นและใบจนหมด ทุกฤดูร้อนเป็นเหมือนสงครามที่ผมพยายามรักษาต้นทานตะวันให้เติบโตเต็มที่ก่อนที่เพื่อนบ้านเท้าสี่กีบจะมาจัดการกินพวกมันจนเกลี้ยง บางครั้งผมก็ชนะ บางครั้งพวกมันก็ชนะ
เมื่อคิดถึงชีวิตของเราในฐานะผู้เชื่อพระเยซู เรามักจะเห็นสงครามคล้ายกันนี้ระหว่างเรากับศัตรูคือซาตาน เป้าหมายของเราคือการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณอันจะทำให้ชีวิตของเราแตกต่างและถวายเกียรติยศแด่พระเจ้า มารต้องการกัดกินความเชื่อและขัดขวางไม่ให้เราเติบโต แต่พระเยซูทรงเป็นศีรษะ “แห่งปวงเทพผู้ครอง” และทรงสามารถนำเราสู่ “ความครบบริบูรณ์” (คส.2:10) หมายความว่าพระองค์ทรงทำให้เรา “สมบูรณ์” ชัยชนะของพระคริสต์บนไม้กางเขนทำให้เราสามารถยืนโดดเด่นอยู่ในโลกได้เช่นเดียวกับดอกทานตะวันอันงดงาม
เมื่อพระเยซูทรงตรึง “กรมธรรม์ซึ่งได้ผูกมัดเรา” (โทษทัณฑ์แห่งบาปของเรา) ไว้ที่กางเขน (ข้อ 14) พระองค์ก็ได้ทำลายอำนาจที่ควบคุมเรา เรากลายเป็นผู้ที่ “หยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้น” (ข้อ 7) และถูกทำให้ “มีชีวิตร่วมกับพระองค์” (ข้อ 13) ในพระองค์เรามีอำนาจ (ข้อ 10) ที่จะต่อต้านการโจมตีฝ่ายวิญญาณของศัตรู และจำเริญขึ้นในพระเยซู คือมีชีวิตที่งดงามอย่างแท้จริง
และอีกเจ็ดคน
ในเดือนมกราคม ปี 2020 ได้เกิดเหตุสลดใจขึ้นใกล้กับเมืองลอสแอนเจลิส มีผู้เสียชีวิตเก้าคนจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก หัวข้อข่าวส่วนใหญ่ระบุในทำนองว่า “โคบี้ ไบรอันท์ ผู้เล่นดาวเด่นของเอ็นบีเอ จีแอนน่า (จีจี้) ลูกสาวของเขา และอีกเจ็ดคนเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้”
เป็นเรื่องปกติและเข้าใจได้ที่จุดสนใจจะไปอยู่ที่คนมีชื่อเสียงซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุเลวร้ายเช่นนี้ และการจากไปของโคบี้กับจีจี้ลูกสาววัยรุ่นของเขานั้นสะเทือนใจเกินจะบรรยาย แต่เราต้องไม่ลืมว่าในภาพใหญ่ของชีวิตไม่มีเส้นแบ่งที่ทำให้ “อีกเจ็ดคน” (เพย์ตัน ซาร่าห์ คริสติน่า อลิสซ่า จอห์น เครี่ และเอร่า) มีความสำคัญที่น้อยกว่า
บางครั้งเราจำเป็นต้องได้รับการเตือนว่ามนุษย์แต่ละคนสำคัญในสายพระเนตรของพระเจ้า สังคมส่องไฟแห่งความสนใจไปยังคนร่ำรวยและมีชื่อเสียง แต่ชื่อเสียงก็ไม่ได้ทำให้คนๆหนึ่งสำคัญไปกว่าเพื่อนบ้านของคุณ เด็กๆที่เล่นกันเสียงดังที่ถนน คนดวงตกในที่พักของคนไร้บ้าน หรือตัวคุณเอง
มนุษย์ทุกคนบนโลกถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้า (ปฐก.1:27) ไม่ว่าจะมั่งคั่งหรือยากจน (สภษ.22:2) ไม่มีใครเป็นที่โปรดปรานมากกว่าใครในสายพระเนตรของพระองค์ (รม.2:11) และทุกคนต้องการพระผู้ช่วยให้รอด (3:23)
เราถวายเกียรติแด่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เมื่อเราปฏิเสธไม่ยอมแสดงความลำเอียง ไม่ว่าจะเป็นที่คริสตจักร (ยก.2:1-4) หรือในสังคมทั่วไป
สะอาดแล้ว
บิลเพื่อนของผมพูดถึงเจอราร์ดคนที่เขาคุ้นเคยว่าเป็นพวกที่ “อยู่ห่างไกลจากพระเจ้ามานานมาก” แต่วันหนึ่งหลังจากบิลได้พบเจอราร์ดและอธิบายให้เขาฟังว่า ความรักของพระเจ้าได้เปิดหนทางให้เราได้รับความรอด เจอราร์ดก็ได้เป็นผู้เชื่อในพระเยซู เขาสารภาพบาปทั้งน้ำตาและมอบชีวิตให้พระคริสต์ หลังจากนั้นบิลถามเจอราร์ดว่ารู้สึกอย่างไร เขาเช็ดน้ำตาและตอบง่ายๆว่า “สะอาดแล้ว”
ช่างเป็นคำตอบที่น่าอัศจรรย์! นั่นคือแก่นแท้ของความรอดที่เกิดขึ้นจากความเชื่อในการเสียสละของพระเยซูเพื่อพวกเราบนไม้กางเขน ใน 1 โครินธ์ 6 หลังจากเปาโลยกตัวอย่างการไม่เชื่อฟังพระเจ้าที่ทำให้เราถูกตัดขาดจากพระองค์ ท่านบอกว่า “แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเป็นคนอย่างนั้น แต่ท่านได้รับการชำระแล้ว ได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว ได้รับการทำให้เป็นผู้ชอบธรรมในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า” (ข้อ 11) “ชำระแล้ว” “ทำให้บริสุทธิ์” “ทำให้ชอบธรรม” คำเหล่านี้พูดถึงผู้เชื่อที่ได้รับการอภัยและทำให้ชอบธรรมในพระองค์
พระธรรมทิตัส 3:4-5 บอกเราเพิ่มเติมถึงความรอดที่อัศจรรย์นี้ “พระเจ้าผู้ทรงช่วยเราทั้งหลายให้รอด...ได้ทรงช่วยเราให้รอดมิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่” ความบาปขวางกั้นเราจากพระเจ้า แต่โดยความเชื่อในพระเยซูโทษของบาปได้รับการชำระล้าง เรากลายเป็นผู้ที่ถูกสร้างใหม่ (2 คร.5:17) ได้รับโอกาสให้เข้าเฝ้าพระบิดา (อฟ.2:18) ได้รับการชำระให้สะอาด (1 ยน.1:7) พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถประทานสิ่งที่จะชำระเราให้สะอาดได้
การทรงสร้างอันอัศจรรย์ของพระเจ้า
การเดินชมธรรมชาติที่เรียบง่ายในฤดูใบไม้ผลิของผมและภรรยากลายเป็นสิ่งพิเศษขณะที่เราเดินลัดเลาะริมแม่น้ำแกรนด์ในละแวกบ้านของเรา เราสังเกตเห็น “เพื่อน” ที่คุ้นเคยบนขอนไม้ที่ปริ่มน้ำ เต่าตัวใหญ่ห้าหรือหกตัวกำลังอาบแดด ซูและผมยิ้มให้กับภาพอันน่าอัศจรรย์ของสัตว์เหล่านี้ที่เราไม่ได้เห็นมาหลายเดือน เราดีใจที่พวกมันกลับมา และเราฉลองช่วงเวลาแห่งความยินดีในการทรงสร้างอันแสนงดงามของพระเจ้า
พระเจ้าทรงพาโยบเดินชมธรรมชาติอันน่าทึ่ง (ดูโยบ 38) ชายผู้มีปัญหาต้องการคำตอบถึงสถานการณ์ของท่าน (ข้อ 1) และสิ่งที่ท่านได้เห็นขณะเดินกับพระเจ้าผ่านการทรงสร้างของพระองค์นั้นหนุนกำลังท่าน
ลองจินตนาการความอัศจรรย์ใจของโยบ เมื่อพระเจ้าทรงย้ำเตือนท่านถึงการออกแบบที่ยิ่งใหญ่ของโลก โยบได้รับคำอธิบายโดยตรงจากผู้ออกแบบเกี่ยวกับธรรมชาติของโลก “ผู้ใดวางศิลามุมเอกของมัน...ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญและบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน” (ข้อ 6-7) ท่านได้เรียนเรื่องภูมิศาสตร์ถึงขีดจำกัดที่พระเจ้ากำหนดให้กับท้องทะเล (ข้อ 11)
พระผู้สร้างยังทรงบอกโยบเกี่ยวกับความสว่าง หิมะและฝนที่พระองค์ทรงสร้างเพื่อให้ทุกสิ่งเติบโต (ข้อ 19-28) โยบยังได้ยินเรื่องหมู่ดาวทั้งหลายจากผู้ที่ทรงประดับมันไว้ในอวกาศ (ข้อ 31-32)
ในที่สุด โยบตอบพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ทราบแล้วว่าพระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งได้” (42:2) เมื่อเราได้สัมผัสกับธรรมชาติในโลกนี้ ขอให้เรายำเกรงพระผู้สร้างผู้ทรงเปี่ยมด้วยปัญญาและความน่าอัศจรรย์
การแข่งขันของกระแสไฟ
เมื่อคุณเสียบปลั๊กเครื่องปิ้งขนมปัง คุณกำลังได้รับประโยชน์จากผลของความขัดแย้งอันเจ็บปวดจากช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เวลานั้นนักประดิษฐ์ชื่อโธมัส เอดิสันและนิโคล่า เทสล่า แข่งขันกันว่าไฟฟ้าชนิดไหนดีที่สุดเพื่อการพัฒนาความเจริญ ระหว่างกระแสตรง (DC) เช่น กระแสไฟที่ได้จากแบตเตอรี่ในไฟฉาย หรือกระแสสลับ (AC) ที่ได้จากปลั๊กไฟ
ในที่สุด กระแสสลับของเทสล่าเป็นฝ่ายชนะและถูกนำมาใช้เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าให้บ้านเรือน ธุรกิจ และชุมชนทั่วโลก โดยกระแสสลับมีประสิทธิภาพกว่ามากในการส่งไฟฟ้าระยะไกล และมีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
บางครั้งเราก็ต้องการสติปัญญาเมื่อเผชิญหน้ากับประเด็นปัญหาระหว่างผู้เชื่อในพระเยซู (ดู รม.14:1-12) อัครทูตเปาโลเรียกร้องให้เราแสวงหาการ
ช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อความกระจ่างชัดในประเด็นนั้น ท่านกล่าวว่า “ถ้าท่านคิดอย่างอื่น พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วย” (ฟป.3:15) ในข้อต่อมา เราได้เห็นผลของการที่คนสองคนปล่อยให้ความแตกต่างมาแบ่งแยกพวกเขา เป็นความขัดแย้งที่ทำให้เปาโลเศร้าใจ “ข้าพเจ้าขอเตือนนางยูโอเดีย และขอเตือนนางสินทิเค ให้มีจิตใจปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า” (4:2)
เมื่อใดที่ความขัดแย้งเริ่มแยกเราออกจากกัน ขอให้เราแสวงหาพระคุณและสติปัญญาของพระเจ้าจากพระคัมภีร์ จากคำแนะนำของผู้เชื่อที่เป็นผู้ใหญ่ และฤทธิ์อำนาจแห่งการอธิษฐาน ให้เรามุ่งมั่นเพื่อจะมี “จิตใจปรองดองกัน” ในพระองค์ (ข้อ 2)
ช่วงปรับปรุง
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแปลงโฉมภายในบ้านใหม่ แต่ทันทีที่ผมเริ่มเตรียมห้องเพื่อทาสี รัฐบาลท้องถิ่นก็ประกาศว่าการขายอุปกรณ์ปรับปรุงบ้านหลายอย่างจะชะลอตัวลงเนื่องจากโรคระบาดโควิด 19 ผมรีบไปซื้อวัสดุที่จำเป็นทันทีที่ได้ยินประกาศ คุณจะปรับปรุงอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่มีวัสดุที่เหมาะสม
เปาโลมีแผนในการปรับปรุงอยู่ในใจเมื่อท่านเขียนพระธรรมเอเฟซัส 4 แต่การเปลี่ยนแปลงที่ท่านพูดถึงลึกซึ้งมากกว่าแค่การเปลี่ยนเพียงผิวเผิน แม้การเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดทำให้เราเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ แต่ยังคงมีสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องทำต่อ ซึ่งใช้เวลาและการทำงานของพระองค์เพื่อเราจะไปถึง “ความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง” (อฟ.4:24)
การสถิตอยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์เปลี่ยนแปลงสิ่งจำเป็นภายในที่ช่วยให้เราสะท้อนถึงพระเยซูในคำพูดและการกระทำของเรา พระองค์ช่วยให้เราเปลี่ยนการโกหกเป็นการพูด “ความจริง” (ข้อ 25) ทรงนำให้เราหลีกเลี่ยงความบาปจากการโกรธ (ข้อ 26) และทรงให้เรากล่าวคำที่ “เป็นประโยชน์เพื่อเสริมสร้างผู้อื่นขึ้น” (ข้อ 29 TNCV) การกระทำโดยการนำของพระวิญญาณนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงภายใน ซึ่งปรากฏออกมาเป็นความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจและการให้อภัย (ข้อ 32) พระวิญญาณทรงทำงานภายในเราเพื่อให้เราทำตามอย่างพระเยซูและสะท้อนหัวใจของพระบิดาในสวรรค์ (ข้อ 24;5:1)
ใส่ใจคำเตือน
เมื่อนักล้วงกระเป๋าพยายามจะลักทรัพย์ตอนผมไปเที่ยวต่างประเทศนั้น ผมไม่แปลกใจนัก ผมได้อ่านคำเตือนมากมายเกี่ยวกับขโมยในสถานีรถไฟใต้ดิน ผมรู้ว่าผมต้องระวังกระเป๋าสตางค์ของผมอย่างไร แต่ผมไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตัว
โชคยังดีที่ชายหนุ่มผู้ล้วงกระเป๋าผมมือไม่เบา กระเป๋าผมจึงตกพื้นและผมเก็บได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้เตือนผมว่าผมควรจะใส่ใจกับคำเตือน
เราไม่ค่อยชอบที่ต้องมาคอยกังวลกับคำเตือนเพราะคิดว่ามันขัดขวางการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ แต่ความจริงคือมันจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องใส่ใจ ตัวอย่างเช่น พระเยซูทรงเตือนอย่างชัดเจนตอนที่ส่งสาวกไปประกาศเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า (มธ.10:7) โดยตรัสว่า “ทุกคนที่จะรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ แต่ผู้ใดจะไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะไม่ยอมรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ด้วย” (ข้อ 32-33)
เรามีทางเลือก ด้วยความรักพระเจ้าได้ทรงประทานองค์พระผู้ช่วยให้รอดและแผนการเพื่อให้เราได้อยู่กับพระองค์ตลอดนิจนิรันดร์ แต่ถ้าเราหันหลังให้พระเจ้าและเลือกที่จะปฏิเสธเรื่องราวความรอดและชีวิตที่แท้จริงซึ่งพระองค์ประทานให้ในเวลานี้และในนิรันดร์กาล เราก็สูญเสียโอกาสที่จะได้อยู่กับพระองค์
ขอให้เราวางใจในพระเยซู ผู้ทรงเลือกที่จะช่วยเราให้รอดพ้นจากการถูกแยกขาดจากพระองค์ผู้ทรงรักและทรงสร้างเราตลอดไปเป็นนิตย์
คำอธิษฐานที่ถูกปิดกั้น
รถสำรวจดาวอังคาร ออปเพอร์จูนิที สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่นขององค์การนาซ่าอย่างซื่อสัตย์มาตลอดสิบสี่ปี หลังลงจอดในปี 2004 มันได้เดินทางไปบนผิวดาวอังคารแล้ว 45 กิโลเมตร ถ่ายภาพนับพันและวิเคราะห์วัตถุมากมาย แต่ในปี 2018 การสื่อสารได้สิ้นสุดลงเมื่อพายุฝุ่นลูกใหญ่ปกคลุมแผงเซลล์แสงอาทิตย์ทำให้รถสำรวจขาดพลังงาน
เป็นไปได้ด้วยหรือที่เราจะยอมให้ “ฝุ่น” มาปิดกั้นเราจากการสื่อสารกับ“ใครบางคน” นอกโลก เมื่อพูดถึงการอธิษฐาน ซึ่งก็คือการสื่อสารกับพระเจ้ามีบางอย่างที่อาจเข้ามาขวางกั้นเอาไว้ได้
พระคัมภีร์กล่าวว่าความบาปขวางกั้นความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า “ถ้าข้าพเจ้าได้บ่มความชั่วไว้ในใจข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าคงไม่ทรงสดับ” (สดด.66:18) พระเยซูสอนว่า “เมื่อท่านยืนอธิษฐานอยู่ ถ้าท่านมีเหตุกับผู้หนึ่งผู้ใดจงยกโทษให้ผู้นั้นเสีย เพื่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะโปรดยกความผิดของท่านด้วย” (มก.11:25) การสื่อสารระหว่างเรากับพระเจ้าอาจถูกขวางกั้นจากความสงสัยและปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ (ยก.1:5-7; 1 ปต.3:7)
ออปเพอร์จูนิทีอาจถูกปิดกั้นทางการสื่อสารตลอดกาล แต่การอธิษฐานของเราไม่จำเป็นต้องถูกปิดกั้น พระเจ้าทรงนำเราด้วยความรักเพื่อรื้อฟื้นการสื่อสารกับพระองค์ผ่านการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเราสารภาพบาปและหันกลับมาหาพระองค์ โดยพระคุณเราจะได้พบการสื่อสารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จักรวาลเคยมีนั้น คือการได้อธิษฐานเป็นส่วนตัวระหว่างเรากับพระเจ้าองค์บริสุทธิ์
เก้าอี้พระเยซู
เมื่อเพื่อนของผมมาร์จ ได้พบกับทามิในการศึกษาพระคัมภีร์ เธอสังเกตว่าพวกเธอดูเหมือนมีสิ่งที่คล้ายกันน้อยมาก แต่มาร์จก็ยอมเป็นเพื่อนกับเธอและก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าจากเพื่อนใหม่
ทามิไม่เคยเข้าร่วมการศึกษาพระคัมภีร์ และเธอไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนอื่นพูดถึงกันในชั้นเรียนที่ว่า พระเจ้าทรงสื่อสารกับพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
เธอปรารถนาจะได้ยินเสียงของพระเจ้าและเธอได้ลงมือทำบางสิ่ง ต่อมาไม่นานเธอบอกกับมาร์จว่า “ฉันวางเก้าอี้ไม้เก่าๆตัวหนึ่งไว้ข้างๆ และทุกครั้งที่ฉันศึกษาพระคัมภีร์ ฉันจะขอให้พระเยซูมานั่งที่เก้าอี้ตัวนั้น” ทามิอธิบายต่อไปว่าเมื่อไรก็ตามที่มีข้อพระคำสัมผัสใจ เธอจะใช้ชอล์คเขียนพระคำข้อนั้นบนเก้าอี้ มันกลายเป็น “เก้าอี้พระเยซู” ที่แสนพิเศษ และเธอเขียนจนเต็มพื้นที่ด้วยข้อความจากพระเจ้าที่มาถึงเธอโดยตรงจากพระคัมภีร์
มาร์จบอกว่า “(เก้าอี้พระเยซู)ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของ(ทามิ) เธอเติบโตฝ่ายวิญญาณเพราะพระคัมภีร์ได้กลายเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวของเธอ”
ขณะที่พระเยซูทรงสนทนากับผู้เชื่อชาวยิว พระองค์ตรัสว่า “ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท” (ยน.8:31-32) ให้เรายึดมั่นในพระคำของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนข้อพระคำบนเก้าอี้ ท่องจำหรือนำไปปฏิบัติ ความจริงและสติปัญญาจากพระคำของพระเยซูจะช่วยเราให้เติบโตในพระองค์และทำให้เราเป็นไท