ไม่ถูกทอดทิ้ง
เมื่อหลายปีที่แล้ว ขณะที่ฉันและสามีไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนี่ยน แอร์แอนด์ สเปซที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เราสังเกตเห็นรถเข็นเด็กถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครอยู่ข้างๆ เราคิดเอาเองว่าพ่อแม่เด็กคงจะทิ้งมันไว้เพราะกลัวเกะกะและคงจะอุ้มเด็กเข้าไป แต่เมื่อเราเข้าไปใกล้ๆ เราจึงได้เห็นว่ามีเด็กนอนหลับอยู่ในรถเข็นด้วย แล้วพ่อแม่เด็ก พี่ของเด็ก...หรือพี่เลี้ยง หายไปไหน? เรายืนรออยู่ตรงนั้นสักพักใหญ่ก่อนที่จะตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ไม่มีใครมาแสดงตัวเพื่อขอรับเด็กที่มีค่าคนนี้เลย! ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นเขาคือ ตอนที่เขาถูกเข็นไปไว้ในที่ที่ปลอดภัย
พ่อจ๋าไม่ต้องห่วง
เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ฉันและสามีรับเป็นผู้จัดคอนเสิร์ตระดมทุนเพื่อสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งในเด็ก เราวางแผนที่จะจัดงานในสวนหลังบ้าน แต่ฟังจากพยากรณ์อากาศแล้วคงไม่สามารถทำได้ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนงานจะเริ่มเราเริ่มโทรแจ้งแขกกว่า 100 คนให้ทราบเรื่องการเปลี่ยนแปลงสถานที่ ขณะที่เพื่อนๆ และครอบครัวของเราช่วยกันขนย้ายอาหาร อุปกรณ์ตกแต่ง และข้าวของเครื่องใช้ไปที่โรงยิมของคริสตจักรอย่างรีบเร่ง โรซี่ ลูกสาวของเรา ได้ปลีกตัวไปกอดพ่อครู่หนึ่งและพูดย้ำในฐานะตัวแทนของลูกหลานว่าจะอยู่เคียงข้างพ่อ “ไม่ต้องห่วงค่ะพ่อ เราจะอยู่ช่วยพ่อเอง”
คำพูดของเธอเป็นที่หนุนใจ เพราะเป็นการเตือนว่าเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง บางคนก็พูดว่า“ฉันจะอยู่ช่วย และคอยดูว่ามีอะไรขาดเหลือ ฉันจะเป็นหูเป็นตาและเป็นลูกมือให้คุณเอง”
ขณะที่ชาวอิสราเอลกำลังหลบหนีจากการเป็นทาส กษัตริย์ฟาโรห์ได้ส่งรถรบและพลม้าออกไล่ล่าพวกเขา (อพย.14:17) แต่ “ทูตของพระเจ้าซึ่งนำพลโยธานั้นกลับไปอยู่ข้างหลัง และเสาเมฆซึ่งอยู่ข้างหน้า ก็กลับมาตั้งอยู่ข้างหลังเขา” (อพยพ 14:19) ด้วยวิธีนี้ พระเจ้าทรงซ่อนและปกป้องพวกเขาไว้ตลอดทั้งคืน วันต่อมาพระองค์ทรงแยกทะเลแดง ทำให้พวกเขาข้ามไปได้อย่างปลอดภัย
พระเจ้าทรงบอกเราเช่นกันว่า “อย่ากังวล” “ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราใครจะขัดขวางเรา” (รม.8:31) - CHK