สร้างสิ่งปรักหักพังขึ้นใหม่
ตอนอายุ 17 ปี โดเวนต้องออกจากบ้านในมาเนนเบิร์กซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเคปทาวน์ในแอฟริกาใต้เพราะการขโมยและการเสพติดเฮโรอีน เขาไม่ได้ไปไกล แต่สร้างกระท่อมสังกะสีอยู่ในสนามหลังบ้านแม่ ซึ่งไม่นานได้ถูกเรียกว่าคาสิโนโดยใช้เป็นที่เสพยา แต่เมื่ออายุ 19 เขารับเชื่อพระเยซู เส้นทางในการเลิกยาของเขานั้นยาวนานและเหนื่อยยาก แต่เขาก็เลิกได้ในที่สุดด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้าและการสนับสนุนจากเพื่อนผู้เชื่อ สิบปีหลังจากโดเวนสร้างคาสิโน เขาและคนอื่นๆได้เปลี่ยนกระท่อมหลังนี้เป็นคริสตจักรบ้าน จากที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งมั่วสุมตอนนี้ได้กลายเป็นสถานนมัสการและอธิษฐาน
ผู้นำคริสตจักรแห่งนี้ใช้เยเรมีย์ 33 เป็นแนวทางที่พระเจ้าจะนำการรักษาและการฟื้นฟูมาสู่ผู้คนและสถานที่ต่างๆ เช่นที่ได้ทรงทำกับโดเวนและคาสิโนในอดีต ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวกับคนของพระเจ้าที่ถูกจับเป็นเชลยว่า แม้เมืองจะถูกทำลายแต่พระเจ้าจะทรงรักษาประชากรของพระองค์และจะ “สร้างเขาทั้งหลายเสียใหม่” ชำระพวกเขาจากความบาป (ยรม.33:7-8) เมื่อนั้นเมืองนี้จะทำให้พระองค์ชื่นบาน มีชื่อและมีศักดิ์ศรี (ข้อ 9)
เมื่อเราถูกล่อลวงให้รู้สึกสิ้นหวังเพราะความบาปทำให้หัวใจสลายและโลกพังทลาย ขอให้เรายังคงอธิษฐานต่อไปว่าพระเจ้าจะทรงนำมาซึ่งการเยียวยารักษาและความหวัง เช่นเดียวกับที่ทรงทำในสนามหลังบ้านในมาเนนเบิร์ก
จงขอบพระคุณอยู่เสมอ
ในศตวรรษที่ 17 มาร์ติน รินคาร์ท รับใช้พระเจ้าในแซกโซนีประเทศเยอรมนี ในยุคที่เกิดสงครามและโรคระบาดเป็นเวลานานกว่า 30 ปี ในปีหนึ่งเขาต้องจัดงานศพกว่า 4 พันครั้งรวมทั้งงานศพของภรรยาตัวเอง เวลานั้นอาหารขาดแคลนจนครอบครัวเขาต้องทนหิว แม้เขาอาจสิ้นหวัง แต่ความเชื่อในพระเจ้ายังคงเข้มแข็งและเขายังขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอ เขาถ่ายทอดหัวใจที่กตัญญูออกมาเป็นเพลงที่ชื่อว่า “Nun danket alle Gott” ซึ่งกลายเป็นบทเพลงชีวิตคริสเตียนที่หลายคนชื่นชอบชื่อ “จงขอบพระคุณพระเจ้า”
รินคาร์ททำตามอย่างผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ ผู้ซึ่งสั่งสอนประชากรของพระเจ้าให้ขอบพระคุณอยู่เสมอแม้ในเวลาที่พวกเขาผิดหวังในพระเจ้า (อสย.12:1) หรือเมื่อศัตรูกดขี่พวกเขา ถึงกระนั้นพวกเขายังคงยกย่องพระนามพระเจ้าและ “ประกาศบรรดาพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย” (ข้อ 4)
อาจเป็นเรื่องง่ายที่จะขอบคุณพระเจ้าในเทศกาลเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว เช่น วันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นเวลาที่เราสนุกสนานกับงานเลี้ยงร่วมกับเพื่อนฝูงและครอบครัว แต่เราจะขอบคุณพระเจ้าในช่วงเวลาที่ทุกข์ยาก เช่น เมื่อบางคนหายไปจากกลุ่ม เมื่อมีปัญหาการเงินหรือขัดแย้งกับคนใกล้ชิดได้หรือไม่
จงเอาอย่างศิษยาภิบาลรินคาร์ทโดยร่วมใจกันเปล่งเสียงสรรเสริญและขอบพระคุณแด่ “พระเจ้านิรันดร์ ผู้ซึ่งโลกและสวรรค์ต่างพากันยกย่อง” เราสามารถ “ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงกระทำกิจอันดีเลิศ” (ข้อ 5)
เมื่อพระเจ้าตรัส
ลิลลี่ซึ่งเป็นนักแปลพระคัมภีร์กำลังกลับบ้านที่ประเทศของเธอโดยเครื่องบิน ขณะถูกกักตัวที่สนามบิน โทรศัพท์ของเธอถูกตรวจสอบ และเมื่อเจ้าหน้าที่พบสำเนาเสียงของพันธสัญญาใหม่ในนั้น พวกเขายึดโทรศัพท์และตั้งคำถามเธอนานสองชั่วโมง ณ จุดหนึ่งพวกเขาขอให้เธอเปิดแอพพระคัมภีร์ ซึ่งถูกตั้งไว้ที่มัทธิว 7:1-2 “อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงกล่าวโทษท่านอย่างนั้น และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น” เมื่อได้ยินพระคำในภาษาของพวกเขา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งหน้าซีดเผือด จากนั้นเธอได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาใดๆ
เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของเจ้าหน้าที่ที่สนามบิน แต่เรารู้ว่า “คำ...ที่ออกไปจากปากของเรา [พระเจ้า]” สัมฤทธิ์ผลตามที่พระองค์ทรงประสงค์ (อสย.55:11) อิสยาห์พยากรณ์พระคำแห่งความหวังนี้แก่ประชากรของพระเจ้าที่ถูกเนรเทศ ให้ความมั่นใจแก่พวกเขาว่า เช่นเดียวกับที่ฝนและหิมะทำให้แผ่นดินออกดอกและเติบโต สิ่งที่ “ออกไปจากปากของเรา [พระเจ้า]นั้น” จะสัมฤทธิ์ผลตามพระประสงค์ของพระองค์ (ข้อ 10-11)
เราสามารถอ่านพระคำตอนนี้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในพระเจ้า เมื่อเราต้องเผชิญสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่นที่ลิลลี่เผชิญกับเจ้าหน้าที่สนามบิน ขอให้เราวางใจว่าพระเจ้าทรงกำลังกระทำกิจ แม้ว่าเราจะไม่เห็นผลลัพธ์สุดท้ายก็ตาม
รักคนแปลกหน้า
เมื่อฉันย้ายไปต่างประเทศ หนึ่งในประสบการณ์แรกๆที่เกิดขึ้นทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้อนรับของที่นั่น หลังจากหาที่นั่งได้แล้วในคริสตจักรเล็กๆแห่งหนึ่งที่สามีฉันเทศนาในวันนั้น มีสุภาพบุรุษชราเสียงห้าวคนหนึ่งทำให้ฉันตกใจเมื่อเขาพูดว่า “ขยับไปที่อื่น” ภรรยาของเขาขอโทษและอธิบายว่าฉันมานั่งที่นั่งประจำของพวกเขา หลายปีต่อมาฉันจึงรู้ว่าคริสตจักรนี้เคยให้คนเช่าที่นั่งเพื่อหาทุนให้คริสตจักร และเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมานั่งตรงที่ที่มีเจ้าของ ความคิดนั้นยังติดอยู่แม้เวลาผ่านไปหลายสิบปีแล้ว
หลังจากนั้นฉันจึงได้ใคร่ครวญสิ่งที่พระเจ้าสอนชาวอิสราเอลให้พวกเขาต้อนรับคนต่างชาติ ซึ่งตรงข้ามกับวิธีปฏิบัติที่ฉันเคยเจอ ในการตั้งกฏเกณฑ์เพื่อให้คนของพระองค์เกิดผลดีนั้น พระองค์ได้เตือนให้พวกเขาต้อนรับคนต่างชาติเพราะพวกเขาเองก็เคยเป็นคนต่างชาติ (ลนต.19:34) ไม่ใช่แค่ปฏิบัติต่อคนต่างชาติอย่างดี (ข้อ 33) แต่ยังต้อง “รักเขาเหมือนกับรักตัวเอง” (ข้อ 34) พระเจ้าได้ช่วยกู้พวกเขาให้รอดจากการถูกข่มเหงในอียิปต์ และให้พวกเขาได้อาศัยในแผ่นดินที่มี “น้ำนมและน้ำผึ้งบริบูรณ์” (อพย.3:17) พระองค์คาดหวังให้คนของพระองค์รักผู้อื่นที่มาอาศัยในแผ่นดินนั้นด้วย
เมื่อพบกับคนแปลกหน้าอยู่ท่ามกลางพวกเรา ขอพระเจ้าช่วยให้เราไม่ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ ที่จะปิดกั้นเราไม่ให้สำแดงความรักของพระองค์กับพวกเขา
หยุดข่าวลือ
หลังจากชาร์ลส์ ซีเมียน (ค.ศ.1759-1836) ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รับใช้ของคริสตจักรโฮลี่ทรินิตี้ในเมืองเคมบริดจ์ประเทศอังกฤษ ท่านเผชิญการต่อต้านอยู่หลายปี เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ในคริสตจักรต้องการให้ผู้รับใช้อีกคนหนึ่งได้รับการแต่งตั้งแทน พวกเขาจึงแพร่ข่าวลือและปฏิเสธงานรับใช้ของชาร์ลส์หลายครั้งพวกเขาถึงกับปิดประตูไม่ให้ท่านเข้าไปในโบสถ์ แต่ชาร์ลส์ผู้ปรารถนาการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า ได้หาทางรับมือกับคำนินทาโดยการตั้งกฎในการใช้ชีวิตขึ้น ข้อหนึ่งคือ อย่าเชื่อในข่าวลือนอกจากว่ามันจะเป็นความจริง และอีกข้อคือ “จงเชื่อเสมอว่า หากเราได้ฟังเรื่องจากอีกด้านหนึ่ง เรื่องราวจะต่างออกไปมาก”
ในการทำเช่นนี้ท่านได้ปฏิบัติตามที่พระเจ้าทรงสอนคนของพระองค์ให้หยุดกระจายคำนินทาและคำพูดปองร้าย ซึ่งพระองค์รู้ว่าจะกัดกร่อนความรักที่พวกเขามีต่อกันและกัน หนึ่งในพระบัญญัติสิบประการก็สะท้อนถึงพระประสงค์ที่จะให้พวกเขาใช้ชีวิตตามความจริง “อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน” (อพย.20:16) คำสอนอีกข้อในอพยพก็สนับสนุนพระบัญญัติดังกล่าวว่า “อย่านำเรื่องเท็จไปเล่าต่อๆกัน” (23:1)
ลองคิดดูว่าโลกนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร หากเราแต่ละคนไม่กระจายข่าวลือและเรื่องเท็จ และหยุดมันทันทีที่ได้ยิน ขอให้เราทั้งหลายพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ช่วยเราพูดความจริงด้วยความรัก และใช้คำพูดเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ห้ามตกปลา
คอร์รี่ เทน บูม ผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ชาวยิวทราบดีถึงความสำคัญของการให้อภัย ในหนังสือ พเนจรเพื่อพระเจ้า เธอบอกว่า ภาพโปรดในจินตนาการของเธอคือภาพของบาปที่ได้รับการอภัยถูกโยนลงในทะเล “เมื่อเราสารภาพบาป พระเจ้าทรงโยนมันลงไปในมหาสมุทรที่ลึกที่สุด หายไปตลอดกาล... ฉันเชื่อว่าพระเจ้าทรงติดป้ายที่เขียนว่า ห้ามตกปลา ไว้ที่นั่น”
เธอชี้ถึงความจริงที่สำคัญที่บางครั้งผู้เชื่อในพระเยซูอาจไม่เข้าใจ คือเมื่อพระเจ้าทรงยกโทษความผิดบาปของเรา เราได้รับการอภัยอย่างครบถ้วน เราไม่ต้องมัวขุดคุ้ยการกระทำอันน่าละอาย หรือจมอยู่กับความรู้สึกว่าตนสกปรก แต่เราสามารถยอมรับพระคุณและการอภัยจากพระองค์ และติดตามพระองค์อย่างเสรี
เราพบแนวคิด “ห้ามตกปลา” นี้ในสดุดี 130 ผู้เขียนประกาศว่า แม้พระเจ้าทรงยุติธรรม แต่พระองค์ทรงให้อภัยความบาปแก่ผู้ที่กลับใจ “แต่พระองค์มีการอภัย” (ข้อ 4) เมื่อผู้เขียนสดุดีรอคอยพระเจ้า วางใจในพระองค์ (ข้อ 5) ท่านกล่าวด้วยความเชื่อว่า “พระองค์จะทรงไถ่อิสราเอลจากความบาปผิดทั้งสิ้นของเขา” (ข้อ 8) คนเหล่านั้นที่เชื่อจะได้พบ “การไถ่อย่างสมบูรณ์” (ข้อ 7)
เมื่อเราติดกับอยู่ในความรู้สึกละอายและไร้ค่า เราก็ไม่อาจรับใช้พระเจ้าได้อย่างสุดใจ แต่ถูกจำกัดจากอดีต ถ้าคุณถูกขัดขวางจากความผิดที่เคยทำ จงทูลขอพระเจ้าที่จะช่วยให้คุณเชื่ออย่างหมดใจในของประทานแห่งการอภัยและชีวิตใหม่ในพระองค์ พระองค์ทรงโยนบาปของเราทิ้งในมหาสมุทรแล้ว
เชื่อวางใจในเวลาแห่งความโศกเศร้า
เมื่อชายที่รู้จักกันในนาม “คุณพ่อยอห์น” รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เขาและแครอลผู้เป็นภรรยาสัมผัสได้ว่าพระเจ้าอยากให้เขาเล่าเรื่องการป่วยนี้บนสื่อออนไลน์ พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงทำงานผ่านความอ่อนแอนี้ พวกเขาจึงโพสต์เล่าถึงช่วงเวลาแห่งความยินดี และความโศกเศร้า ความเจ็บปวดเป็นเวลาสองปี
เมื่อแครอลเขียนว่าสามีของเธอ “จากไปสู่อ้อมกอดของพระเยซู” มีคนนับร้อยเข้ามาแสดงความคิดเห็น หลายคนขอบคุณแครอลที่เปิดเผยเรื่องราว คนหนึ่งบอกว่าการได้ยินเรื่องความตายจากมุมมองของคริสเตียนเป็นเรื่องที่ดี เพราะ “เราทุกคนต่างต้องตาย” ในสักวัน อีกคนบอกว่าแม้ไม่เคยพบกันเธอก็ได้รับกำลังใจอย่างมากผ่านคำพยานเรื่องการวางใจพระเจ้าของพวกเขา
แม้บางครั้งคุณพ่อยอห์นรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด แต่เขาและแครอลก็เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงค้ำชูพวกเขา พวกเขารู้ว่าคำพยานนี้จะเกิดผลเพื่อพระเจ้า และสะท้อนถึงสิ่งที่เปาโลเขียนถึงทิโมธีเมื่อท่านต้องทนทุกข์ว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าได้เชื่อและข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า พระองค์ทรงสามารถรักษาซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับพระองค์จนถึงวันพิพากษาได้” (2 ทธ.1:12)
พระเจ้าทรงสามารถใช้ความตายของคนที่เรารักเพื่อทำให้ความเชื่อของเรา (และของคนอื่น) เข้มแข็งยิ่งขึ้นได้ ผ่านทางพระคุณที่เราได้รับในพระเยซูคริสต์ (ข้อ 9) หากคุณกำลังพบกับความทุกข์และปัญหา จงรู้ไว้ว่าพระเจ้าสามารถนำการปลอบประโลมและสันติสุขมาให้คุณได้
พระองค์ทรงเปลี่ยนผม
เมื่อจอห์นผู้เป็นเจ้าของซ่องที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอนถูกจับเข้าคุก เขาเชื่อผิดๆ ว่า แต่ผมเป็นคนดี ที่นั่นเขาตัดสินใจเข้ากลุ่มศึกษาพระคัมภีร์เพื่อไปกินเค้กกับกาแฟ แต่เขากลับประทับใจที่เห็นผู้ต้องขังคนอื่นๆดูมีความสุข เขาเริ่มร้องไห้ระหว่างเพลงแรก และต่อมาก็ได้รับพระคัมภีร์ ถ้อยคำจากผู้เผยพระวจนะเอเสเคียลเปลี่ยนแปลงเขา กระทบใจเขา “เหมือนฟ้าผ่า” เขาอ่านว่า “เมื่อคนอธรรมหันกลับจากความอธรรมที่ตนกระทำไป และกระทำความยุติธรรมและความชอบธรรม...เขาจะดำรงชีวิตอยู่แน่นอน เขาไม่ต้องตาย” (18:27-28) พระวจนะของพระเจ้ามีชีวิตขึ้นสำหรับเขาและเขาสำนึกได้ว่า “ผมไม่ใช่คนดี...ผมเป็นคนชั่วและจะต้องเปลี่ยนแปลง” ขณะที่อธิษฐานกับศิษยาภิบาล เขากล่าวว่า “ผมได้พบพระเยซูคริสต์และพระองค์ทรงเปลี่ยนผม”
กำลังสำหรับเดินทางต่อ
ฤดูร้อนวันหนึ่ง ฉันต้องรับมือกับภารกิจที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ เมื่อกำหนดส่งงานเขียนชิ้นสำคัญกำลังใกล้เข้ามาทุกที ฉันพยายามวันแล้ววันเล่าที่จะเค้นตัวหนังสือออกมา ฉันรู้สึกเหนื่อย ท้อแท้และอยากยอมแพ้ เพื่อนที่ฉลาดคนหนึ่งถามฉันว่า “ครั้งสุดท้ายที่คุณรู้สึกสดชื่นคือเมื่อไหร่ คุณอาจต้องพักและหาอะไรอร่อยๆ ทานบ้าง”
ฉันรู้ทันทีว่าเธอพูดถูก คำแนะนำของเธอทำให้ฉันคิดถึงเอลียาห์และข่าวที่น่ากลัวซึ่งรับจากเยเซเบล (1 พกษ.19:2) แม้งานเขียนของฉันจะเทียบไม่ได้กับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของผู้เผยพระวจนะ หลังเอลียาห์เอาชนะผู้เผยพระวจนะเท็จบนภูเขาคารเมล เยเซเบลก็ส่งสารมาว่านางจะไล่ล่าและฆ่าท่าน เอลียาห์สิ้นหวังและรอความตาย จากนั้นท่านหลับสนิทและมีทูตสวรรค์มาเยี่ยมพร้อมนำอาหารมาให้ถึงสองครั้ง หลังจากที่พระเจ้าทรงฟื้นฟูกำลังกายของท่าน ท่านก็มีกำลังเดินทางต่อไปได้
เมื่อ “ทางเดินนั้นจะเกินกำลัง” ของเรา (ข้อ 7) เราอาจต้องหยุดพักและเพลิดเพลินกับอาหารที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อเราหมดแรงหรือหิว เราจะยอมแพ้ต่อความผิดหวังหรือความกลัวได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อพระเจ้าทรงตอบสนองความต้องการทางร่างกายของเราผ่านทางทรัพยากรของพระองค์ในโลกที่หลงหายนี้ เราก็สามารถก้าวต่อไปในการรับใช้พระองค์