สร้างใหม่โดยพระคุณ
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีคำใหม่เข้ามาในคำศัพท์ภาพยนตร์ คือคำว่า รีบูท (การสร้างใหม่) ในสำนวนด้านภาพยนตร์ รีบูทคือการนำเรื่องเก่ามาทำใหม่ บางครั้งรีบูทเป็นการนำเรื่องราวที่คุ้นเคยมาเล่าใหม่ เช่น เรื่องซูเปอร์ฮีโร่หรือนิทานสักเรื่อง บางครั้งเป็นการใช้เรื่องราวที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักแล้วเล่าใหม่ในรูปแบบใหม่ ในแต่ละกรณีนั้นการรีบูทก็เหมือนกับการทำขึ้นอีกครั้ง มันคือการเริ่มต้นใหม่ เป็นโอกาสที่จะเติมชีวิตใหม่ให้กับสิ่งเก่า
มีอีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรีบูท คือเรื่องราวของพระกิตติคุณ ในเรื่องนี้พระเยซูทรงเชื้อเชิญเราให้มารับการอภัย ตลอดจนชีวิตนิรันดร์และครบบริบูรณ์ (ยน.10:10) และในพระธรรมเพลงคร่ำครวญ เยเรมีย์เตือนเราว่าความรักของพระเจ้าที่ให้กับเรา ทำให้ทุกวันเป็นการ “รีบูท” ในลักษณะต่างๆ “เพราะความรักใหญ่หลวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเราจึงไม่ถูกผลาญทำลายไป เพราะพระเมตตาของพระองค์ไม่เคยยั้งหยุด มีมาใหม่ทุกเช้า ความซื่อสัตย์ของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก” (3:22-23 TNCV)
พระคุณของพระเจ้าเชื้อเชิญให้เราสวมกอดแต่ละวันว่าเป็นเสมือนโอกาสใหม่ที่จะพบความสัตย์ซื่อของพระองค์ ไม่ว่าเรากำลังต่อสู้กับผลจากความผิดของตนเอง หรือเผชิญความทุกข์ยากอื่นๆ พระวิญญาณของพระเจ้าทรงประทานลมหายใจแห่งการอภัย ชีวิตใหม่ และความหวังในทุกเช้าวันใหม่ได้ ทุกวันคือการเริ่มต้นใหม่ในลักษณะต่างๆ เป็นโอกาสที่จะได้ติดตามการทรงนำของผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงผสานเรื่องราวของเราเข้าสู่เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่าของพระองค์
ชำระอย่างหมดจด
ไม่นานมานี้ผมกับภรรยาทำความสะอาดบ้านก่อนที่จะมีแขกเข้ามาพัก ผมสังเกตเห็นคราบดำบนพื้นกระเบื้องสีขาวในห้องครัวแบบที่ต้องคุกเข่าลงไปเพื่อขัดออก
แต่ไม่นานผมก็รู้สึกตัวว่า ยิ่งขัดไปผมก็ยิ่งสังเกตเห็นคราบอื่นๆอีก แต่ละคราบที่ขัดออกไปมีแต่จะทำให้คราบอื่นเห็นชัดขึ้น ทันใดนั้นดูเหมือนว่าพื้นครัวของเราช่างสกปรกอย่างเหลือเชื่อ และในการขัดแต่ละครั้งผมก็ตระหนักว่า ไม่ว่าผมจะทำงานหนักเพียงใด ก็ไม่มีทางทำให้พื้นนี้สะอาดได้อย่างหมดจด
พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องที่คล้ายกันของการชำระตน ความพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการกับความบาปด้วยตัวเราเองมักล้มเหลวเสมอ แม้จะเคยประสบกับการช่วยกู้ของพระองค์ แต่ดูเหมือนผู้เผยพระวจนะอิสยาห์จะสิ้นหวังกับชนชาติอิสราเอลประชากรของพระเจ้าแล้ว (อสย.64:5) ท่านเขียนว่า “ข้าพระองค์ทุกคนได้กลายเป็นเหมือนคนที่ไม่สะอาด และการกระทำอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งสิ้น เหมือนเสื้อผ้าที่สกปรก” (ข้อ 6)
แต่อิสยาห์รู้ว่ายังมีหวังในความชอบธรรมของพระเจ้าเสมอ ท่านจึงอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์ยังทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น” (ข้อ 8) ท่านรู้ว่ามีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถชำระล้างในสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ จนกว่าคราบฝังแน่นที่สุดจะ “ขาวอย่างหิมะ” (1:18)
เราไม่สามารถขจัดคราบและรอยเปื้อนของความบาปบนจิตวิญญาณของเราได้ แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เราสามารถรับเอาความรอดในพระองค์ผู้ทรงเสียสละ เพื่อทำให้เราได้รับการชำระอย่างหมดจด (1 ยน.1:7)
กลิ่นกาแฟ
ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ในเช้าวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ลูกคนสุดท้องลงมาข้างล่าง เธอจับผมนั่งตัวตรงแล้วกระโดดขึ้นนั่งบนตัก ผมกอดเธอแน่นและจูบที่ศีรษะของเธออย่างอ่อนโยนในแบบของพ่อ เธอร้องเสียงแหลมด้วยความดีใจ แต่แล้วเธอก็ขมวดคิ้ว ย่นจมูก แล้วมองที่แก้วกาแฟของผมอย่างตำหนิ “พ่อคะ” เธอพูดอย่างขึงขังว่า “หนูรักพ่อ และชอบพ่อ แต่หนูไม่ชอบกลิ่นของพ่อ”
ลูกสาวผมคงไม่รู้เรื่องนี้ แต่เธอพูดความจริงและด้วยใจรัก เธอไม่ต้องการทำร้ายความรู้สึกของผม แต่เธอรู้สึกถูกกระตุ้นให้บอกบางอย่าง และบางครั้งเราจำเป็นต้องทำเช่นนั้นในความสัมพันธ์ของเรา
ในเอเฟซัสบทที่ 4 เปาโลเน้นถึงการที่เรามีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำลังพูดความจริงในเรื่องยากๆ “จงมีใจถ่อมลงทุกอย่าง และใจอ่อนสุภาพอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” (ข้อ 2) ความถ่อมใจ ความอ่อนสุภาพและความอดทนนั้นช่วยกำหนดรากฐานความสัมพันธ์ของเรา การปลูกฝังคุณลักษณะเหล่านี้ตามที่พระเจ้าทรงสอนจะช่วยให้เรา “[พูด] ความจริงด้วยใจรัก” (ข้อ 15) และพยายามสื่อสาร “คำที่ดีและเป็นประโยชน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง” (ข้อ 29)
ไม่มีใครชอบเผชิญหน้ากับจุดอ่อนและจุดบอด แต่เมื่อมีบางอย่างเกี่ยวกับตัวเรา “ส่งกลิ่น” ออกมา พระเจ้าจะทรงใช้เพื่อนผู้สัตย์ซื่อที่จะพูดกับชีวิตของเราด้วยใจเมตตา ด้วยความจริง ด้วยใจถ่อมและใจอ่อนสุภาพ
พระคุณท่ามกลางความโกลาหล
ขณะผมกำลังเคลิ้มหลับก็มีเสียงดังลั่นเข้ามากระแทกหู เป็นเสียงลูกชายผมที่กำลังดีดกีต้าร์ไฟฟ้าจากห้องใต้ดิน กำแพงทำให้เกิดเสียงดังก้องกังวาน ทำลายความเงียบสงบและการงีบหลับของผม ครู่ต่อมามีอีกเสียงที่ดังแข่งกัน เป็นเสียงบรรเลงเปียโนของลูกสาวผมในเพลง “พระคุณพระเจ้า”
ปกติแล้วผมชอบเสียงกีต้าร์ที่ลูกชายเล่น แต่เสียงที่ผมได้ยินในเวลานั้นกลับหนวกหูและทำลายสมาธิของผม ในทันทีนั้นทำนองเพลงชีวิตคริสเตียนที่คุ้นหูของจอห์น นิวตันก็ย้ำเตือนผมว่า พระคุณมักเติบโตขึ้นท่ามกลางความโกลาหล ไม่ว่าพายุแห่งชีวิตจะส่งเสียงอันดังและไม่พึงประสงค์ หรือสร้างความวุ่นวายให้กับเรามากเพียงใด ท่วงทำนองเพลงแห่งพระคุณของพระเจ้ายังคงดังชัดเจนและเป็นจริง ย้ำเตือนให้เราระลึกถึงความห่วงใยของพระองค์ผู้ทรงเฝ้าดูเราอยู่
เราเห็นความจริงดังกล่าวในพระธรรมสดุดี 107:23-32 เมื่อกะลาสีเรือกำลังต่อสู้กับคลื่นยักษ์ที่สามารถกลืนกินพวกเขาได้อย่างง่ายดาย “ใจของเขาฝ่อไปในเหตุการณ์ร้ายของเขา” (ข้อ 26) ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่สิ้นหวัง แต่ “ในความยากลำบากของเขา เมื่อเขาร้องทูลพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยนำเขาออกจากความทุกข์ใจของเขา” (ข้อ 28) สุดท้ายเราอ่านพบว่า “แล้วเขาก็ยินดีเพราะเขามีความเงียบ และพระองค์ทรงนำเขามายังท่าที่เขาปรารถนา” (ข้อ 30)
ในช่วงเวลาที่โกลาหล ไม่ว่ามันจะคุกคามชีวิตหรือแค่คุกคามการนอน เสียงและความกลัวก็อาจโหมกระหน่ำจิตวิญญาณของเราได้ แต่เมื่อเราวางใจพระเจ้าและอธิษฐานต่อพระองค์ เราจะได้รับพระคุณแห่งการทรงสถิตและการจัดเตรียมของพระองค์ ซึ่งได้แก่ท่าเทียบเรือแห่งความรักมั่นคงของพระองค์
วิ่งแข่งขัน
เว็บไซต์ statista.com กล่าวโดยสรุปถึงนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลลีกระดับประเทศส่วนใหญ่ว่ามีระยะเวลาในการเล่นอาชีพเฉลี่ย 3.3 ปี แต่ในปี 2021 ทอม เบรดี้ ผู้เล่นตำแหน่งควอร์เตอร์แบ็กของเอ็นเอฟแอล ได้เริ่มฤดูกาลที่ 22 ของเขาด้วยอายุ 44 ปี เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น อาจเพราะการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดและการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอของเขาซึ่งเป็นที่เลื่องลือทำให้เขาสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน แหวนซูเปอร์โบวล์ทั้งเจ็ดวงทำให้เขาได้รับสมญานามยอดเยี่ยมตลอดกาลในเอ็นเอฟแอล แต่นี่เป็นสมญานามที่เขาจะไม่มีทางได้รับนอกจากจะให้ความมุ่งมาดปรารถนาที่จะเล่นฟุตบอลอย่างสมบูรณ์แบบหลอมรวมกับทุกสิ่งในชีวิต
อัครทูตเปาโลทราบว่านักกีฬาในสมัยของท่านก็แสดงออกถึงวินัยแบบเดียวกัน (1 คร.9:24) และท่านยังเห็นว่าไม่ว่าพวกเขาจะฝึกฝนมากเพียงใด ที่สุดแล้วความรุ่งโรจน์นั้นก็จะร่วงโรยไป ในทางกลับกันท่านกล่าวว่า เรามีโอกาสที่จะดำเนินชีวิตเพื่อพระเยซูซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนิรันดร์กาล หากนักกีฬาที่กระหายหาความรุ่งโรจน์ชั่วคราวยังฝึกฝนอย่างหนักเช่นนั้น เปาโลกล่าวต่อว่า แล้วผู้ที่มีชีวิตเพื่อ “มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรย” ควรจะทำยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด (ข้อ 25)
เราไม่ได้ฝึกฝนเพื่อจะได้รับความรอด แต่ตรงกันข้ามคือ เมื่อเราตระหนักว่าความรอดของเราอัศจรรย์อย่างยิ่งยวดเพียงใด มันจะปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญ มุมมอง และเป้าหมายในชีวิตของเรา ในขณะที่เราแต่ละคนวิ่งในการแข่งขันแห่งความเชื่ออย่างสัตย์ซื่อด้วยกำลังที่มาจากพระเจ้า
“ทำให้เป็นของคุณเอง เพื่อนรัก”
วันที่ 11 มิถุนายน 2002 เป็นวันเปิดตัวการแข่งขันร้องเพลง อเมริกันไอดอล ในแต่ละสัปดาห์ คนที่มีความหวังจะมาร้องบทเพลงที่มีชื่อเสียงในแบบฉบับของตนเอง และผู้ชมจะโหวตว่าใครจะได้ผ่านไปสู่การแข่งขันในรอบต่อไป
แรนดี้ แจ็คสัน หนึ่งในกรรมการตัดสินมีคำพูดประโยคเด็ดเป็นเอกลักษณ์ว่า “คุณทำให้มันเป็นเพลงของคุณได้แล้ว เพื่อนรัก!” เขาจะกล่าวยกย่องเช่นนี้เมื่อนักร้องได้นำเอาบทเพลงที่คุ้นเคยมาศึกษาอย่างถ่องแท้ แล้วแสดงออกมาในรูปแบบใหม่ตามแบบฉบับของตัวเขาเอง การ “ทำให้เป็นของเขาเอง” คือการเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงด้วยความคิดสร้างสรรค์ จากนั้นจึงนำเสนอบนเวทีให้ชาวโลกได้รับชม
เปาโลเชื้อเชิญให้เราทำสิ่งที่คล้ายกันนี้เพื่อเป็นเจ้าของความเชื่อและการแสดงออกถึงความเชื่อนั้น ในฟีลิปปี 3 ท่านปฏิเสธความพยายามที่จะเป็นคนสำคัญต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า (ข้อ 7-8) แต่ท่านกลับสอนเราให้รับเอา “ความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้า ซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ” (ข้อ 9) ของประทานแห่งการอภัยโทษและการทรงไถ่เปลี่ยนแรงจูงใจและเป้าหมายของเรา “ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปเพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว” (ข้อ 12)
พระเยซูทรงรับประกันถึงชัยชนะของเรา หน้าที่ของเราคือการยึดมั่นในความจริง ประกาศข่าวประเสริฐแห่งพระกิตติคุณ และใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับข่าวประเสริฐนั้นในโลกที่เสื่อมทรามของเรา อีกนัยหนึ่งคือ เราต้องทำให้ความเชื่อเป็นความเชื่อของเราเอง และ “เราได้แค่ไหนแล้วก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป” (ข้อ 16)
จดจ่อที่พระเจ้า
ตอนที่เลือกซื้อแหวนหมั้น ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงในการค้นหาเพชรที่ใช่ ผมถูกรบกวนด้วยความคิดที่ว่า ถ้าผมพลาดสิ่งดีที่สุดไปล่ะตามที่นักจิตวิทยาเศรษฐศาสตร์แบรี่ ชวาตซ์กล่าวไว้ ความลังเลเป็นประจำบ่งบอกว่าผมเป็นคนที่เขาเรียกว่า “สรรหาแต่สิ่งดีที่สุด” ซึ่งตรงกันข้ามกับ “คนที่เลือกความพอใจ” คนที่เลือกความพอใจจะตัดสินใจโดยพิจารณาเลือกสิ่งที่เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนคนที่สรรหาแต่สิ่งดีที่สุดล่ะ คนเรามีความต้องการที่จะเลือกสิ่งดีที่สุดเสมอ (ผมก็ด้วย!) ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่แน่ใจในการเผชิญกับทางเลือกมากมายคืออะไร คือความวิตกกังวล ซึมเศร้าและไม่พอใจ อันที่จริงนักสังคมวิทยาได้สร้างอีกวลีหนึ่งสำหรับปรากฏการณ์นี้ นั่นคือ กลัวที่จะพลาด
แน่นอนที่ในพระคัมภีร์เราจะไม่พบคำว่า คนที่สรรหาแต่สิ่งดีที่สุด หรือ คนที่เลือกความพอใจ แต่พบแนวคิดที่คล้ายกันใน 1 ทิโมธี เปาโลท้าทายทิโมธีให้ค้นหาคุณค่าในพระเจ้าแทนที่จะเป็นสิ่งของในโลกนี้ คำสัญญาของโลกในเรื่องการเติมเต็มจะไม่มีวันเกิดขึ้น เปาโลต้องการให้ทิโมธีหยั่งรากอัตลักษณ์ตัวตนของเขาในพระเจ้า “เราได้รับประโยชน์มากมายจากทางของพระเจ้า พร้อมทั้งความสุขใจ” (6:6) เปาโลดูเหมือนเป็นคนที่เลือกความพอใจเมื่อท่านเสริมว่า “แต่ถ้าเรามีอาหารและเสื้อผ้า ก็ให้เราพอใจด้วยของเหล่านั้นเถิด” (ข้อ 8)
เมื่อผมยึดติดอยู่กับหนทางมากมายที่โลกนี้สัญญาว่าจะเติมเต็มชีวิตเรา ผมมักจะจบลงด้วยความหงุดหงิดและไม่พึงใจ แต่เมื่อผมจดจ่อที่พระเจ้าและละทิ้งแรงกระตุ้นที่บังคับให้สรรหาแต่สิ่งที่ดีที่สุด จิตวิญญาณของผมก็เคลื่อนไปสู่ความพึงพอใจและการหยุดพักอย่างแท้จริง
ทรงเตรียมที่ไว้สำหรับเรา
ครอบครัวเรากำลังวางแผนจะเลี้ยงลูกสุนัข ลูกสาววัย 11 ปีของผมจึงหาข้อมูลอยู่หลายเดือน เธอรู้ว่าสุนัขควรจะกินอะไร และจะแนะนำให้มันรู้จักกับบ้านใหม่ของเราอย่างไร นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่นอีกมากมาย เธอบอกผมว่า ลูกสุนัขจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดถ้ามันได้ทำความรู้จักห้องทีละห้อง เราจึงเตรียมห้องนอนสำรองเอาไว้อย่างดี ผมแน่ใจว่าจะยังมีเรื่องที่เราต้องประหลาดใจอีกแน่แต่การเตรียมการที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของลูกสาวผม ครอบคลุมรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดี
วิธีที่ลูกสาวของผมเปลี่ยนการจดจ่อรอคอยที่จะได้ลูกสุนัขมาเป็นการเตรียมการด้วยความรัก ทำให้ผมคิดถึงพระคริสต์ที่ทรงปรารถนาจะใช้ชีวิตร่วมกับประชากรของพระองค์ และพระสัญญาที่จะเตรียมบ้านไว้ให้พวกเขา ในเวลาใกล้สิ้นสุดพระราชกิจบนโลกนี้ พระเยซูทรงเรียกร้องให้เหล่าสาวกวางใจในพระองค์โดยตรัสว่า “ท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย” (ยน.14:1) จากนั้นทรงสัญญาว่าจะไป “จัดเตรียมที่ไว้สำหรับ[พวกเขา]... เพื่อว่า [พระองค์]อยู่ที่ไหน[พวกเขา]จะได้อยู่ที่นั่นด้วย” (ข้อ 3)
ในไม่ช้าพวกสาวกจะพบกับปัญหา แต่พระเยซูต้องการให้พวกเขารู้ว่าพระองค์ทรงกำลังเตรียมการที่จะพาพวกเขากลับบ้านไปหาพระเจ้า
ผมอดไม่ได้ที่จะชื่นชมกับการเตรียมตัวอย่างละเอียดรอบคอบที่ลูกสาวผมตั้งใจทำเพื่อลูกสุนัขตัวใหม่ของเรา ผมได้แต่จินตนาการว่าพระผู้ช่วยให้รอดของเราจะทรงยินดียิ่งกว่าเรามากสักแค่ไหนที่ได้ทรงจัดเตรียมให้เราแต่ละคนอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อจะได้มีชีวิตนิรันดร์ร่วมกับพระองค์
หนีหรือสันติสุข
“ปลีกวิเวก” ป้ายโฆษณาป่าวประกาศถึงประโยชน์ของการติดตั้งอ่างน้ำร้อน ซึ่งดึงดูดความสนใจและทำให้ผมคิด ผมกับภรรยาเคยคุยกันเรื่องซื้ออ่างน้ำร้อน...ในสักวันหนึ่ง มันคงเหมือนการได้หยุดพักผ่อนในสวนหลังบ้านของเราเอง! ยกเว้นเรื่องทำความสะอาดและค่าไฟ และ...ทันใดนั้น ความหวังที่จะได้ปลีกตัวไปก็เริ่มฟังดูเหมือนสิ่งที่ผมอยากปลีกตัวจากมา
คำๆนั้นยังคงล่อลวงเราได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะมันสัญญาถึงสิ่งที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความผ่อนคลาย ความสบายใจ ความปลอดภัยและการปลีกตัว นี่เป็นสิ่งที่วัฒนธรรมของเราล่อลวงและเล่นตลกกับเราด้วยหลากหลายวิธี ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะพักหรือปลีกตัวไปยังที่ที่สวยงาม แต่มีความแตกต่างระหว่างการปลีกตัวหนีไปจากความยากลำบากของชีวิต กับการวางใจพระเจ้าในปัญหาเหล่านั้น
ในพระธรรมยอห์นบทที่ 16 พระเยซูทรงบอกกับสาวกว่า ในก้าวต่อไปของชีวิตจะมีบททดสอบความเชื่อของพวกเขา “ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก” พระองค์ทรงสรุปในตอนท้าย และทรงเพิ่มเติมพระสัญญานี้ “แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว” (ข้อ 33) พระเยซูไม่ต้องการให้สาวกตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่ทรงเชื้อเชิญพวกเขาให้วางใจในพระองค์ และรู้ถึงการพักสงบที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้ “เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน” พระองค์ตรัส “เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา” (ข้อ 33) พระเยซูไม่ได้ทรงสัญญาว่าเราจะมีชีวิตที่ไม่เจ็บปวด แต่ได้ทรงสัญญาว่าถ้าเราวางใจและพักสงบอยู่ในพระองค์ เราจะได้พบกับสันติสุขอันลึกซึ้งและอิ่มเอมใจที่มากกว่าการหลบลี้ใดๆที่โลกพยายามเสนอให้กับเรา