ผู้เขียน

ดูทั้งหมด
Adam R. Holz

Adam Holz

Adam is senior associate editor at Focus on the Family’s media review website, Plugged In. Adam has also served as associate editor at Discipleship Journal. He is the author of the NavPress Bible study Beating Busyness. Adam is married to Jennifer, an ordained Presbyterian minister. They have three children whose passions include swimming, gymnastics, drama, piano, and asking dad what’s for dessert. In his free time, Adam enjoys playing electric guitar.

บทความ โดย Adam Holz

รดน้ำวัชพืช

ฤดูใบไม้ผลินี้สวนหลังบ้านของเราถูกโจมตีโดยวัชพืชราวกับพวกมันหลุดออกมาจากหนังเรื่องจูราสสิค พาร์ค ต้นหญ้าต้นหนึ่งใหญ่มากขนาดที่ตอนถอนมันออกนั้นผมกลัวว่าอาจจะต้องเจ็บตัว ก่อนที่จะหาพลั่วมาขุดมันออกได้ ผมสังเกตเห็นว่าลูกสาวกำลังรดน้ำให้มันอยู่ ผมถามว่า “ทำไมถึงรดน้ำให้มันล่ะลูก” เธอตอบด้วยรอยยิ้มแสนซนว่า “หนูอยากดูว่ามันจะใหญ่ได้ขนาดไหน”

วัชพืชไม่ใช่สิ่งที่เราเลี้ยงดูด้วยความตั้งใจ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ผมก็รู้สึกว่าบางครั้งเราก็เลี้ยงดู “วัชพืช” ในชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเรา ด้วยการหล่อเลี้ยงความปรารถนาที่เหนี่ยวรั้งการเติบโตของเราไว้

เปาโลเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ในพระธรรมกาลาเทีย 5:13-26 ซึ่งท่านเปรียบเทียบการมีชีวิตโดยเนื้อหนังกับการมีชีวิตโดยพระวิญญาณ ท่านบอกว่าการพยายามทำตามบทบัญญัติเพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้เกิดชีวิตแบบ “ปราศจากวัชพืช” ที่เราต้องการ แต่เปาโลสอนว่าเราจะหลีกเลี่ยงการรดน้ำให้แก่วัชพืชได้โดยการ “ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ” ท่านเสริมว่าการก้าวเดินไปกับพระเจ้าเป็นประจำ คือการช่วยให้เราเป็นอิสระจากแรงกระตุ้นที่จะ “สนองความต้องการของเนื้อหนัง” (ข้อ 16)

การที่จะเข้าใจคำสอนของเปาโลอย่างถ่องแท้นั้นเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต แต่ผมชอบคำแนะนำง่ายๆของท่านที่ว่า แทนที่เราจะเลี้ยงดูวัชพืชที่เราไม่ต้องการโดยการทำตามความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังของเราเอง ให้เราใส่ใจดูแลความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า แล้วเราจะเกิดผลและเก็บเกี่ยวชีวิตที่พระเจ้าพอพระทัย (ข้อ 22-25)

สร้างใหม่โดยพระคุณ

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีคำใหม่เข้ามาในคำศัพท์ภาพยนตร์ คือคำว่า รีบูท (การสร้างใหม่) ในสำนวนด้านภาพยนตร์ รีบูทคือการนำเรื่องเก่ามาทำใหม่ บางครั้งรีบูทเป็นการนำเรื่องราวที่คุ้นเคยมาเล่าใหม่ เช่น เรื่องซูเปอร์ฮีโร่หรือนิทานสักเรื่อง บางครั้งเป็นการใช้เรื่องราวที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักแล้วเล่าใหม่ในรูปแบบใหม่ ในแต่ละกรณีนั้นการรีบูทก็เหมือนกับการทำขึ้นอีกครั้ง มันคือการเริ่มต้นใหม่ เป็นโอกาสที่จะเติมชีวิตใหม่ให้กับสิ่งเก่า

มีอีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรีบูท คือเรื่องราวของพระกิตติคุณ ในเรื่องนี้พระเยซูทรงเชื้อเชิญเราให้มารับการอภัย ตลอดจนชีวิตนิรันดร์และครบบริบูรณ์ (ยน.10:10) และในพระธรรมเพลงคร่ำครวญ เยเรมีย์เตือนเราว่าความรักของพระเจ้าที่ให้กับเรา ทำให้ทุกวันเป็นการ “รีบูท” ในลักษณะต่างๆ “เพราะความรักใหญ่หลวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเราจึงไม่ถูกผลาญทำลายไป เพราะพระเมตตาของพระองค์ไม่เคยยั้งหยุด มีมาใหม่ทุกเช้า ความซื่อสัตย์ของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก” (3:22-23 TNCV)

พระคุณของพระเจ้าเชื้อเชิญให้เราสวมกอดแต่ละวันว่าเป็นเสมือนโอกาสใหม่ที่จะพบความสัตย์ซื่อของพระองค์ ไม่ว่าเรากำลังต่อสู้กับผลจากความผิดของตนเอง หรือเผชิญความทุกข์ยากอื่นๆ พระวิญญาณของพระเจ้าทรงประทานลมหายใจแห่งการอภัย ชีวิตใหม่ และความหวังในทุกเช้าวันใหม่ได้ ทุกวันคือการเริ่มต้นใหม่ในลักษณะต่างๆ เป็นโอกาสที่จะได้ติดตามการทรงนำของผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงผสานเรื่องราวของเราเข้าสู่เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่าของพระองค์

ชำระอย่างหมดจด

ไม่นานมานี้ผมกับภรรยาทำความสะอาดบ้านก่อนที่จะมีแขกเข้ามาพัก ผมสังเกตเห็นคราบดำบนพื้นกระเบื้องสีขาวในห้องครัวแบบที่ต้องคุกเข่าลงไปเพื่อขัดออก

แต่ไม่นานผมก็รู้สึกตัวว่า ยิ่งขัดไปผมก็ยิ่งสังเกตเห็นคราบอื่นๆอีก แต่ละคราบที่ขัดออกไปมีแต่จะทำให้คราบอื่นเห็นชัดขึ้น ทันใดนั้นดูเหมือนว่าพื้นครัวของเราช่างสกปรกอย่างเหลือเชื่อ และในการขัดแต่ละครั้งผมก็ตระหนักว่า ไม่ว่าผมจะทำงานหนักเพียงใด ก็ไม่มีทางทำให้พื้นนี้สะอาดได้อย่างหมดจด

พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องที่คล้ายกันของการชำระตน ความพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการกับความบาปด้วยตัวเราเองมักล้มเหลวเสมอ แม้จะเคยประสบกับการช่วยกู้ของพระองค์ แต่ดูเหมือนผู้เผยพระวจนะอิสยาห์จะสิ้นหวังกับชนชาติอิสราเอลประชากรของพระเจ้าแล้ว (อสย.64:5) ท่านเขียนว่า “ข้าพระองค์ทุกคนได้กลายเป็นเหมือนคนที่ไม่สะอาด และการกระทำอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งสิ้น เหมือนเสื้อผ้าที่สกปรก” (ข้อ 6)

แต่อิสยาห์รู้ว่ายังมีหวังในความชอบธรรมของพระเจ้าเสมอ ท่านจึงอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์ยังทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น” (ข้อ 8) ท่านรู้ว่ามีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถชำระล้างในสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ จนกว่าคราบฝังแน่นที่สุดจะ “ขาวอย่างหิมะ” (1:18)

เราไม่สามารถขจัดคราบและรอยเปื้อนของความบาปบนจิตวิญญาณของเราได้ แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เราสามารถรับเอาความรอดในพระองค์ผู้ทรงเสียสละ เพื่อทำให้เราได้รับการชำระอย่างหมดจด (1 ยน.1:7)

กลิ่นกาแฟ

ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ในเช้าวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ลูกคนสุดท้องลงมาข้างล่าง เธอจับผมนั่งตัวตรงแล้วกระโดดขึ้นนั่งบนตัก ผมกอดเธอแน่นและจูบที่ศีรษะของเธออย่างอ่อนโยนในแบบของพ่อ เธอร้องเสียงแหลมด้วยความดีใจ แต่แล้วเธอก็ขมวดคิ้ว ย่นจมูก แล้วมองที่แก้วกาแฟของผมอย่างตำหนิ “พ่อคะ” เธอพูดอย่างขึงขังว่า “หนูรักพ่อ และชอบพ่อ แต่หนูไม่ชอบกลิ่นของพ่อ”

ลูกสาวผมคงไม่รู้เรื่องนี้ แต่เธอพูดความจริงและด้วยใจรัก เธอไม่ต้องการทำร้ายความรู้สึกของผม แต่เธอรู้สึกถูกกระตุ้นให้บอกบางอย่าง และบางครั้งเราจำเป็นต้องทำเช่นนั้นในความสัมพันธ์ของเรา

ในเอเฟซัสบทที่ 4 เปาโลเน้นถึงการที่เรามีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำลังพูดความจริงในเรื่องยากๆ “จงมีใจถ่อมลงทุกอย่าง และใจอ่อนสุภาพอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” (ข้อ 2) ความถ่อมใจ ความอ่อนสุภาพและความอดทนนั้นช่วยกำหนดรากฐานความสัมพันธ์ของเรา การปลูกฝังคุณลักษณะเหล่านี้ตามที่พระเจ้าทรงสอนจะช่วยให้เรา “[พูด] ความจริงด้วยใจรัก” (ข้อ 15) และพยายามสื่อสาร “คำที่ดีและเป็นประโยชน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง” (ข้อ 29)

ไม่มีใครชอบเผชิญหน้ากับจุดอ่อนและจุดบอด แต่เมื่อมีบางอย่างเกี่ยวกับตัวเรา “ส่งกลิ่น” ออกมา พระเจ้าจะทรงใช้เพื่อนผู้สัตย์ซื่อที่จะพูดกับชีวิตของเราด้วยใจเมตตา ด้วยความจริง ด้วยใจถ่อมและใจอ่อนสุภาพ

พระคุณท่ามกลางความโกลาหล

ขณะผมกำลังเคลิ้มหลับก็มีเสียงดังลั่นเข้ามากระแทกหู เป็นเสียงลูกชายผมที่กำลังดีดกีต้าร์ไฟฟ้าจากห้องใต้ดิน กำแพงทำให้เกิดเสียงดังก้องกังวาน ทำลายความเงียบสงบและการงีบหลับของผม ครู่ต่อมามีอีกเสียงที่ดังแข่งกัน เป็นเสียงบรรเลงเปียโนของลูกสาวผมในเพลง “พระคุณพระเจ้า”

ปกติแล้วผมชอบเสียงกีต้าร์ที่ลูกชายเล่น แต่เสียงที่ผมได้ยินในเวลานั้นกลับหนวกหูและทำลายสมาธิของผม ในทันทีนั้นทำนองเพลงชีวิตคริสเตียนที่คุ้นหูของจอห์น นิวตันก็ย้ำเตือนผมว่า พระคุณมักเติบโตขึ้นท่ามกลางความโกลาหล ไม่ว่าพายุแห่งชีวิตจะส่งเสียงอันดังและไม่พึงประสงค์ หรือสร้างความวุ่นวายให้กับเรามากเพียงใด ท่วงทำนองเพลงแห่งพระคุณของพระเจ้ายังคงดังชัดเจนและเป็นจริง ย้ำเตือนให้เราระลึกถึงความห่วงใยของพระองค์ผู้ทรงเฝ้าดูเราอยู่

เราเห็นความจริงดังกล่าวในพระธรรมสดุดี 107:23-32 เมื่อกะลาสีเรือกำลังต่อสู้กับคลื่นยักษ์ที่สามารถกลืนกินพวกเขาได้อย่างง่ายดาย “ใจของเขาฝ่อไปในเหตุการณ์ร้ายของเขา” (ข้อ 26) ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่สิ้นหวัง แต่ “ในความยากลำบากของเขา เมื่อเขาร้องทูลพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยนำเขาออกจากความทุกข์ใจของเขา” (ข้อ 28) สุดท้ายเราอ่านพบว่า “แล้วเขาก็ยินดีเพราะเขามีความเงียบ และพระองค์ทรงนำเขามายังท่าที่เขาปรารถนา” (ข้อ 30)

ในช่วงเวลาที่โกลาหล ไม่ว่ามันจะคุกคามชีวิตหรือแค่คุกคามการนอน เสียงและความกลัวก็อาจโหมกระหน่ำจิตวิญญาณของเราได้ แต่เมื่อเราวางใจพระเจ้าและอธิษฐานต่อพระองค์ เราจะได้รับพระคุณแห่งการทรงสถิตและการจัดเตรียมของพระองค์ ซึ่งได้แก่ท่าเทียบเรือแห่งความรักมั่นคงของพระองค์

วิ่งแข่งขัน

เว็บไซต์ statista.com กล่าวโดยสรุปถึงนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลลีกระดับประเทศส่วนใหญ่ว่ามีระยะเวลาในการเล่นอาชีพเฉลี่ย 3.3 ปี แต่ในปี 2021 ทอม เบรดี้ ผู้เล่นตำแหน่งควอร์เตอร์แบ็กของเอ็นเอฟแอล ได้เริ่มฤดูกาลที่ 22 ของเขาด้วยอายุ 44 ปี เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น อาจเพราะการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดและการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอของเขาซึ่งเป็นที่เลื่องลือทำให้เขาสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน แหวนซูเปอร์โบวล์ทั้งเจ็ดวงทำให้เขาได้รับสมญานามยอดเยี่ยมตลอดกาลในเอ็นเอฟแอล แต่นี่เป็นสมญานามที่เขาจะไม่มีทางได้รับนอกจากจะให้ความมุ่งมาดปรารถนาที่จะเล่นฟุตบอลอย่างสมบูรณ์แบบหลอมรวมกับทุกสิ่งในชีวิต

อัครทูตเปาโลทราบว่านักกีฬาในสมัยของท่านก็แสดงออกถึงวินัยแบบเดียวกัน (1 คร.9:24) และท่านยังเห็นว่าไม่ว่าพวกเขาจะฝึกฝนมากเพียงใด ที่สุดแล้วความรุ่งโรจน์นั้นก็จะร่วงโรยไป ในทางกลับกันท่านกล่าวว่า เรามีโอกาสที่จะดำเนินชีวิตเพื่อพระเยซูซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนิรันดร์กาล หากนักกีฬาที่กระหายหาความรุ่งโรจน์ชั่วคราวยังฝึกฝนอย่างหนักเช่นนั้น เปาโลกล่าวต่อว่า แล้วผู้ที่มีชีวิตเพื่อ “มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรย” ควรจะทำยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด (ข้อ 25)

เราไม่ได้ฝึกฝนเพื่อจะได้รับความรอด แต่ตรงกันข้ามคือ เมื่อเราตระหนักว่าความรอดของเราอัศจรรย์อย่างยิ่งยวดเพียงใด มันจะปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญ มุมมอง และเป้าหมายในชีวิตของเรา ในขณะที่เราแต่ละคนวิ่งในการแข่งขันแห่งความเชื่ออย่างสัตย์ซื่อด้วยกำลังที่มาจากพระเจ้า

“ทำให้เป็นของคุณเอง เพื่อนรัก”

วันที่ 11 มิถุนายน 2002 เป็นวันเปิดตัวการแข่งขันร้องเพลง อเมริกันไอดอล ในแต่ละสัปดาห์ คนที่มีความหวังจะมาร้องบทเพลงที่มีชื่อเสียงในแบบฉบับของตนเอง และผู้ชมจะโหวตว่าใครจะได้ผ่านไปสู่การแข่งขันในรอบต่อไป

แรนดี้ แจ็คสัน หนึ่งในกรรมการตัดสินมีคำพูดประโยคเด็ดเป็นเอกลักษณ์ว่า “คุณทำให้มันเป็นเพลงของคุณได้แล้ว เพื่อนรัก!” เขาจะกล่าวยกย่องเช่นนี้เมื่อนักร้องได้นำเอาบทเพลงที่คุ้นเคยมาศึกษาอย่างถ่องแท้ แล้วแสดงออกมาในรูปแบบใหม่ตามแบบฉบับของตัวเขาเอง การ “ทำให้เป็นของเขาเอง” คือการเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงด้วยความคิดสร้างสรรค์ จากนั้นจึงนำเสนอบนเวทีให้ชาวโลกได้รับชม

เปาโลเชื้อเชิญให้เราทำสิ่งที่คล้ายกันนี้เพื่อเป็นเจ้าของความเชื่อและการแสดงออกถึงความเชื่อนั้น ในฟีลิปปี 3 ท่านปฏิเสธความพยายามที่จะเป็นคนสำคัญต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า (ข้อ 7-8) แต่ท่านกลับสอนเราให้รับเอา “ความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้า ซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ​” (ข้อ 9) ของประทานแห่งการอภัยโทษและการทรงไถ่เปลี่ยนแรงจูงใจและเป้าหมายของเรา “ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปเพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว” (ข้อ 12)

พระเยซูทรงรับประกันถึงชัยชนะของเรา หน้าที่ของเราคือการยึดมั่นในความจริง ประกาศข่าวประเสริฐแห่งพระกิตติคุณ และใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับข่าวประเสริฐนั้นในโลกที่เสื่อมทรามของเรา อีกนัยหนึ่งคือ เราต้องทำให้ความเชื่อเป็นความเชื่อของเราเอง และ “เราได้แค่ไหนแล้วก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป” (ข้อ 16)

จดจ่อที่พระเจ้า

ตอนที่เลือกซื้อแหวนหมั้น ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงในการค้นหาเพชรที่ใช่ ผมถูกรบกวนด้วยความคิดที่ว่า ถ้าผมพลาดสิ่งดีที่สุดไปล่ะตามที่นักจิตวิทยาเศรษฐศาสตร์แบรี่ ชวาตซ์กล่าวไว้ ความลังเลเป็นประจำบ่งบอกว่าผมเป็นคนที่เขาเรียกว่า “สรรหาแต่สิ่งดีที่สุด” ซึ่งตรงกันข้ามกับ “คนที่เลือกความพอใจ” คนที่เลือกความพอใจจะตัดสินใจโดยพิจารณาเลือกสิ่งที่เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนคนที่สรรหาแต่สิ่งดีที่สุดล่ะ คนเรามีความต้องการที่จะเลือกสิ่งดีที่สุดเสมอ (ผมก็ด้วย!) ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่แน่ใจในการเผชิญกับทางเลือกมากมายคืออะไร คือความวิตกกังวล ซึมเศร้าและไม่พอใจ อันที่จริงนักสังคมวิทยาได้สร้างอีกวลีหนึ่งสำหรับปรากฏการณ์นี้ นั่นคือ กลัวที่จะพลาด

แน่นอนที่ในพระคัมภีร์เราจะไม่พบคำว่า คนที่สรรหาแต่สิ่งดีที่สุด หรือ คนที่เลือกความพอใจ แต่พบแนวคิดที่คล้ายกันใน 1 ทิโมธี เปาโลท้าทายทิโมธีให้ค้นหาคุณค่าในพระเจ้าแทนที่จะเป็นสิ่งของในโลกนี้ คำสัญญาของโลกในเรื่องการเติมเต็มจะไม่มีวันเกิดขึ้น เปาโลต้องการให้ทิโมธีหยั่งรากอัตลักษณ์ตัวตนของเขาในพระเจ้า “เราได้รับประโยชน์มากมายจากทางของพระเจ้า พร้อมทั้งความสุขใจ” (6:6) เปาโลดูเหมือนเป็นคนที่เลือกความพอใจเมื่อท่านเสริมว่า “แต่ถ้าเรามีอาหารและเสื้อผ้า ก็ให้เราพอใจด้วยของเหล่านั้นเถิด” (ข้อ 8)

เมื่อผมยึดติดอยู่กับหนทางมากมายที่โลกนี้สัญญาว่าจะเติมเต็มชีวิตเรา ผมมักจะจบลงด้วยความหงุดหงิดและไม่พึงใจ แต่เมื่อผมจดจ่อที่พระเจ้าและละทิ้งแรงกระตุ้นที่บังคับให้สรรหาแต่สิ่งที่ดีที่สุด จิตวิญญาณของผมก็เคลื่อนไปสู่ความพึงพอใจและการหยุดพักอย่างแท้จริง

ทรงเตรียมที่ไว้สำหรับเรา

ครอบครัวเรากำลังวางแผนจะเลี้ยงลูกสุนัข ลูกสาววัย 11 ปีของผมจึงหาข้อมูลอยู่หลายเดือน เธอรู้ว่าสุนัขควรจะกินอะไร และจะแนะนำให้มันรู้จักกับบ้านใหม่ของเราอย่างไร นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่นอีกมากมาย เธอบอกผมว่า ลูกสุนัขจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดถ้ามันได้ทำความรู้จักห้องทีละห้อง เราจึงเตรียมห้องนอนสำรองเอาไว้อย่างดี ผมแน่ใจว่าจะยังมีเรื่องที่เราต้องประหลาดใจอีกแน่แต่การเตรียมการที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของลูกสาวผม ครอบคลุมรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดี

วิธีที่ลูกสาวของผมเปลี่ยนการจดจ่อรอคอยที่จะได้ลูกสุนัขมาเป็นการเตรียมการด้วยความรัก ทำให้ผมคิดถึงพระคริสต์ที่ทรงปรารถนาจะใช้ชีวิตร่วมกับประชากรของพระองค์ และพระสัญญาที่จะเตรียมบ้านไว้ให้พวกเขา ในเวลาใกล้สิ้นสุดพระราชกิจบนโลกนี้ พระเยซูทรงเรียกร้องให้เหล่าสาวกวางใจในพระองค์โดยตรัสว่า “ท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย” (ยน.14:1) จากนั้นทรงสัญญาว่าจะไป “จัดเตรียมที่ไว้สำหรับ[พวกเขา]... เพื่อว่า [พระองค์]อยู่ที่ไหน[พวกเขา]จะได้อยู่ที่นั่นด้วย” (ข้อ 3)

ในไม่ช้าพวกสาวกจะพบกับปัญหา แต่พระเยซูต้องการให้พวกเขารู้ว่าพระองค์ทรงกำลังเตรียมการที่จะพาพวกเขากลับบ้านไปหาพระเจ้า

ผมอดไม่ได้ที่จะชื่นชมกับการเตรียมตัวอย่างละเอียดรอบคอบที่ลูกสาวผมตั้งใจทำเพื่อลูกสุนัขตัวใหม่ของเรา ผมได้แต่จินตนาการว่าพระผู้ช่วยให้รอดของเราจะทรงยินดียิ่งกว่าเรามากสักแค่ไหนที่ได้ทรงจัดเตรียมให้เราแต่ละคนอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อจะได้มีชีวิตนิรันดร์ร่วมกับพระองค์

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา