รักเป็นของผู้แพ้หรือ?

ดังนั้น ยังตั้งอยู่สามสิ่งคือ ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก

แต่ความรักใหญ่ที่สุด – 1 โครินธ์ 13:13

 

คุณจะรู้จักคนคนหนึ่งได้มากมายจากข้อความบนเสื้อยืดของเขา ไม่นานมานี้ผมเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ข้อความบนเสื้อยืดสีแดงสดของหญิงสาวคนหนึ่งสะดุดตาผม ความว่า “รักเป็นของผู้แพ้” เธออาจคิดว่าฟังดูฉลาดและท้าทาย หรืออาจแค่นึกสนุก หรือเธออาจเจ็บปวดจากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา และได้ปลีกตัวจากผู้อื่น เพื่อจะไม่เสี่ยงต่อการถูกทำร้ายอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เสื้อยืดตัวนั้นทำให้ผมคิด

ความรักเป็นของผู้แพ้จริงหรือ? ความจริงคือ เมื่อเรารัก เราก็พร้อมจะเสี่ยง ผู้คนอาจทำร้ายเรา ทำให้เราผิดหวังหรือทิ้งเราไปง่ายๆ ความรักอาจจบลงที่การสูญเสีย

พระคัมภีร์ได้ท้าทายให้เรามีความรักต่อผู้อื่นในระดับที่สูงกว่า คือ ความรักที่จะไม่ทำเพื่อประโยชน์ของตนหรือเพื่อจะได้รับความรักตอบ แต่ “ทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอและทนต่อทุกอย่าง” เพราะเหตุใด? เพราะความรักแบบนี้ทนทานต่อความเจ็บปวดในชีวิต นำเราเข้าใกล้ความห่วงใยอันไม่มีวันลดลง เป็นความรักแบบพระเจ้า

ดังนั้น ความรักอาจมีเพื่อผู้แพ้ก็ได้ เพราะเราจะต้องการพระเจ้ามากที่สุดในเวลาที่สูญเสียและผิดหวัง แม้ในยามที่ต้องต่อสู้กับปัญหา เราก็รู้ว่า “ความรักไม่มีวันสูญสิ้น” – BC

ความรักของพระเจ้าไม่มีวันสูญสิ้น

ความรักทำให้เจ็บปวด

“พระบัญญัติของเราคือให้ท่านทั้งหลายรักกัน

เหมือนดังที่เราได้รักท่าน” – ยอห์น 15:12

 

"บางครั้งความรักก็ทำให้เจ็บปวด" พ่อแม่คู่หนึ่งได้กล่าวถึงความยากลำบากในการชี้แนวทางการดำเนินชีวิตให้กับลูกของเขาในช่วงที่กำลังเป็นวัยรุ่น “บางทีถ้าเราไม่ได้รักเขามากเกินไป เราคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้” ผู้เป็นสามีกล่าวเสริม

แม้ความรักจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดและความเสียใจ แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากเราต้องมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความรัก? ความรักคือการเสี่ยงที่จะเปิดใจของเราออก ซึ่งบางครั้งมันทำให้เราเจ็บ! ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น!

พระเยซูคริสต์ทรงเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดนี้เป็นอย่างดีพระองค์ทรงรักเรามากจนยอมสละชีวิตของพระองค์เองเพื่อเราแม้เราจะไม่ได้รักพระองค์ตอบและทำให้พระองค์เจ็บปวด แต่พระองค์ก็ยังคงรักเราเสมอและตลอดไป

ด้วยแบบอย่างของความรักเช่นนี้ ขอให้เรารักคู่สมรสของเรา พ่อแม่ของเรา ลูกของเรา เพื่อนบ้าน และเพื่อนร่วมงานของเราต่อไป ดังที่พระเยซูทรงสอนด้วยชีวิตของพระองค์เองว่า “ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เราได้รักท่าน” – DCE

ความรัก คือการลงทุนด้วยชีวิต

ที่นี่มีรัก

ท่านที่รักทั้งหลายถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลาย

เช่นนั้นเราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย – 1 ยอห์น 4:11

 

ผมมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งอายุเกือบจะ 30 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะลงเอยกับใคร เขาเป็นชายหนุ่มที่มากความสามารถ สนุกสนาน หน้าตาดี เป็นคริสเตียนที่รักพระเจ้า แต่จนถึงขณะนี้ เรื่องราวความรักอันแสนจะโรแมนติกของเขากลับกลายเป็นเพียงความฝัน

 

หลายเดือนก่อน เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่งผ่านทางอินเตอร์เน็ท สองสัปดาห์ก่อนจะถึงวันที่ทั้งคู่นัดเจอกันเธอถูกคนเมาขับรถชนเสียชีวิต เพื่อนของผมคนนี้เดินทางไปพบครอบครัวของเธอและร่วมแบ่งปันความปวดร้าวของพวกเขาขณะเดียวกันก็ต้องข่มความรู้สึกสูญเสียของตนไว้

ทุกวันนี้มีคนที่ขาดความรักมากพอๆ กับคนที่กำลังมีความรัก แต่ไม่ว่าวันนี้เรากำลังอยู่ในสถานะแบบไหน ความเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นได้เสมอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยน แปลง คือ ความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา

ขอเพียงแค่เราเปิดใจ ความรักของพระเจ้าก็จะ “หลั่ง เข้าสู่ จิต ใจ ของ เรา” และไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ความรักจากพระทัยของพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง! ให้เราเปิดรับความรักนี้ เติมเต็มหัวใจ แล้วส่งต่อไปสู่ผู้อื่น – DCM

ยิ่งเราเข้าใจความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรามากเท่าไร

เรายิ่งแสดงความรักต่อคนอื่นได้มากขึ้นเท่านั้น

เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้วสิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป

นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น – 2 โครินธ์ 5:17

 

หญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในบ้านที่เธอไม่มีความสุขเลย เธอมักจะบ่นให้เพื่อนฟังว่าเวลาอยู่บ้านเธอลำบากเพียงไร เธอต่อว่าพ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวที่ทำให้เธอไม่พอใจ และอยากจะย้ายออกไปทันทีที่มีรายได้เลี้ยงตัวเอง

แต่วันหนึ่ง ใบหน้าของหญิงสาวคนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข สีหน้าที่เคยหม่นหมองก็หายไป ดวงตาของเธอเป็นประกาย แต่ละก้าวของเธอเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเมื่อเพื่อนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อนถึงกับอุทานว่า “ที่บ้านคงมีอะไรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้วสินะ ฉันดีใจด้วยจริงๆ” 

“เปล่าหรอก” หญิงสาวตอบ “ฉันต่างหากที่เปลี่ยนไป” เมื่อทัศนคติของหญิงสาวสดใสขึ้น ความสัมพันธ์ของเธอกับคนอื่นก็เปลี่ยนไปด้วย ไม่ใช่เพราะสถานการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนไป แต่เป็นเพราะเธอได้รับการเปลี่ยนแปลงจากภายในจิตใจ

เมื่อเราเผชิญกับเหตุการณ์ที่คอยรบกวนจิตใจจนเริ่มรู้สึกสงสารตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องโทษคนอื่นหรือโทษตัวเองแต่เราสามารถทูลขอให้พระเจ้าเติมหัวใจของเรา ด้วยความรักที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้ว

เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าเดิม! – RWD

ความสุขที่แท้จริงเริ่มต้นมาจากข้างใน

รักไม่มีวันสูญสิ้น

ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่งคือความเชื่อ ความหวังใจและความรัก

แต่ความรักใหญ่ที่สุด - 1 โครินธ์ 13:13

 

กวี อาร์คิบาลด์ แมคลิซ กล่าวไว้ว่าความรัก เปรียบเสมือนแสงสว่างที่แสนจะมีคุณค่าท่ามกลางความมืดมิด นี่คือสิ่งที่เขาเรียกว่าปัญญา(ความสว่าง) ที่เกิดขึ้นตอนค่ำคืน ความรักที่เรามีให้กันและกันก็เป็นเช่นนั้น โดยผมเข้าใจในเรื่องนี้ได้ดีจากชีวิตรักของคนสูงวัยสองคนที่ผมรู้จัก

แม้จะแต่งงานมาแล้วกว่า 50 ปี แต่ทั้งสองยังคงรักกันอย่างลึกซึ้งคนหนึ่งกำลังใกล้จะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ตับอ่อน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นโรคพาร์คินสันและกำลังจะจากโลกนี้ไปเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมเห็นภรรยานั่งอยู่บนเตียงของสามี เธอก้มจูบเขาและกระซิบว่า “ฉันรักคุณ” ฝ่ายสามีตอบว่า “คุณช่างสวยเหลือเกิน”

เรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงหลายคนที่ได้ทิ้งชีวิตแต่งงาน โดยไม่ยอมฝ่าฟันไปด้วยกัน ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ เจ็บป่วยหรือสุขสบาย มั่งมีหรือยากจน ผมรู้สึกเสียใจแทนพวกเขา เพราะพวกเขาจะไม่ได้พบกับความรักในแบบที่เพื่อนของผมได้พบในบั้นปลายของชีวิต

ผมเฝ้ามองเพื่อนผมมาหลายปี และรู้ว่าความเชื่อที่หยั่งรากลึกในพระเจ้า การอุทิศทุ่มเทตราบจนวันตาย ความซื่อสัตย์ และความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวเอง เป็นหัวใจหลักของชีวิตสมรสของทั้งสอง พวกเขาสอนผมว่า รักแท้ ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีวันสูญสิ้น นี่คือปัญญาที่เกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของชีวิต และความรักจะดำรงอยู่จนวาระสุดท้ายให้เราแสดงความรักที่ไม่มีวันสูญสิ้นแก่คนที่เรารักเถิด - DRH

หากวันนี้คุณมีคำรักที่จะบอกจงอย่าผลัดวันประกันพรุ่ง