รักคือ

พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น
พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา - โรม 5:8 

 

หลายปีก่อน ผมถามชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังจะแต่งงานว่า “คุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณรักเธอ” ผมถามคำถามนี้เพราะตั้งใจจะช่วยให้เขาสำรวจใจตัวเองว่า เขาตัดสินใจแต่งงานเพราะอะไร หลังจากคิดอยู่ครู่ใหญ่ เขาตอบว่า “ผมรู้ว่าผมรักเธอ เพราะผมอยากใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ของผมทำให้เธอมีความสุข”

 

เราคุยกันว่าสิ่งที่เขาพูดหมายความว่าอย่างไร และการคิดถึงคนอื่นก่อนโดยไม่เห็นแก่ตัว หรือเอาตัวเองเป็นใหญ่นั้น ต้องแลกด้วยอะไร เราเห็นว่ารักแท้ต้องมีการเสียสละ

 

ความคิดนี้สอดคล้องกับสิ่งที่พระคัมภีร์สอน มีคำภาษากรีกหลายคำที่มีความหมายว่ารัก แต่ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ความรักแบบอากาเป้ หมายถึงความรักที่เกิดจากการเสียสละตัวเอง ความรักนี้เห็นได้ชัดเจนที่สุดจากความรักของพระบิดา ที่ทรงสำแดงแก่เราผ่านทางพระคริสต์ เรามีค่ามากสำหรับพระองค์ เปาโลกล่าวว่า “พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา”

 

ถ้าการเสียสละคือมาตรวัดความรักที่แท้ ก็คงไม่มีของขวัญใดมีค่าไปกว่าพระเยซู “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์” - Anon

 

ความรักวัดได้จากสิ่งที่คุณยอมเสียสละเพื่อสำแดงความรักนั้น

รักแท้

ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ
และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง ความรักไม่มีวันสูญสิ้น - 1 โครินธ์ 13:7-8 

 

แม่ของเบธ ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม บ่อยครั้งเธอต้องหัวใจสลายเมื่อเฝ้าดูแม่ที่เคยเป็นคนสนุกสนานและมีชีวิตชีวา ค่อยๆ ทรุดโทรมลง เธอได้เรียนรู้ว่ารักแท้ไม่ง่ายหรือสะดวกสบายเสมอไป 

 

ปีที่แล้วหลังจากที่แม่ของเธอเข้าโรงพยาบาล เบธเขียนข้อความถึงเพื่อนบางคนว่า “เมื่อมองย้อนไป ฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ได้ร่วมทางไปกับแม่ เบื้องหลังความทรงจำที่กำลังหายไป ความสับสน และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย คือบุคคลที่สวยงาม ซึ่งรักชีวิตและมีสันติสุขอย่างแท้จริง ฉันเรียนรู้หลายสิ่งเกี่ยวกับรักแท้ แม้ฉันจะไม่อยากเดินไปบนเส้นทางนี้ ที่มีทั้งน้ำตาและความเจ็บปวด แต่ฉันก็ไม่ยอมแลกประสบการณ์อันมีค่านี้กับสิ่งใด”

 

พระคัมภีร์เตือนเราให้ระลึกว่า ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนฉียว ความรัก “ทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง ความรักไม่มีวันสูญสิ้น”

 

ความรักที่แท้จริงเริ่มต้นจากพระบิดา ผู้ทรงประทานพระบุตรของพระองค์ให้เป็นของขวัญแก่เรา ให้เราหาโอกาสสำแดงความรักต่อผู้อื่นอย่างพระคริสต์ผู้ทรงสละชีวิตของพระองค์เพื่อเรา - CHK 

 

รักแท้คือการช่วยเหลือผู้อื่น
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถตอบแทนเราได้เลยก็ตาม

ดำเนินชีวิตในความรัก

ความสว่างจะโผล่ขึ้นมาในความมืดให้คนเที่ยงธรรม พระองค์ทรงมีพระคุณ
ทรงพระกรุณาและทรงชอบธรรม - สดุดี 112:4 

 

ประเทศในแอฟริกา ที่ซึ่งร็อกแซนเพื่อนของผมอาศัยอยู่ น้ำเป็นสิ่งล้ำค่า บ่อยครั้งที่ผู้คนต้องเดินทางไกลเพื่อไปตักน้ำจากลำห้วยขนาดเล็กที่ปนเปื้อน ซึ่งทำให้เจ็บป่วย และเสียชีวิตเนื่องจากขาดแคลนน้ำ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับองค์กรอย่างศูนย์รับเด็กกำพร้า และคริสตจักรที่จะดูแลผู้คน แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

 

โดยการนำของร็อกแซน และเงินที่มีผู้คนในคริสตจักรบริจาคให้อย่างไม่นึกเสียดาย บ่อน้ำสะอาดได้ถูกขุดขึ้น มีบ่อน้ำใหม่อย่างน้อย 6 แห่งที่เปิดใช้แล้วในขณะนี้ ทำให้คริสตจักรเป็นศูนย์รวมแห่งความหวังและกำลังใจ ศูนย์สุขภาพและบ้านสำหรับเด็กกำพร้า 700 คนก็จะสามารถเปิดทำการได้เพราะมีน้ำเพียงพอ

 

ความรักแบบเดียวกันนั้นจะหลั่งไหลจากผู้เชื่อในพระคริสต์เมื่อเรามีประสบการณ์ในความรัก และพระกรุณาของพระเจ้า อัครฑูตเปาโล กล่าวว่าหากเราไม่มีความรัก เสียงของเราก็เป็นเหมือนเสียงฆ้องสำหรับผู้คน และความเชื่อของเราก็ไร้ความหมาย อัครทูตยอห์นกล่าวว่า หากเรามีทรัพย์สมบัติในโลกนี้และเห็นคนอื่นที่ขัดสนและได้ช่วยเหลือเขา นั่นเป็นหลักฐานว่าความรักของพระเจ้าอยู่ในเรา

 

พระเจ้าทรงปรารถนาให้เรามี “เมตตาคุณ” ต่อผู้ที่ขัดสนเพราะพระองค์ทรงมีพระทัยเมตตาต่อเรา - JDB 

 

ความเมตตา คือ ความเป็นคริสเตียนที่แสดงออกทางการกระทำ

ไม่มีรักใดยิ่งใหญ่กว่า

ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน
- ยอห์น 15:13

 

เจมส์เป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะนักร้องประสานเสียงของมหาวิทยาลัยที่กำลังเดินทางจากยุโรปกลับบ้านพร้อมเพื่อนนักร้อง ขณะเครื่องบินกำลังลงจอด มีฝนตกหนัก และลมกรรโชกแรงจนเครื่องบินลื่นไถลออกจากลานบิน ไปชนเข้ากับแผงไฟทำให้ลำตัวของเครื่องบินฉีกขาด

 

ขณะที่ผู้คนกำลังอลหม่านและไฟได้ลุกขึ้นภายในเครื่องบินที่พังยับเยินนั้น เจมส์เริ่มช่วยเหลือผู้อื่น เขาดึงผู้โดยสารออกมาไว้ยังที่ปลอดภัยคนแล้วคนเล่า และวิ่งกลับไปที่เครื่องบินเพื่อช่วยคนที่เหลืออีก ครั้งสุดท้ายที่เขาวิ่งกลับไปยังซากเครื่องบินที่ถูกเผาไหม้นั้น เขาต้านทานควันไฟไม่ไหวและเสียชีวิตลง

 

ในงานศพของเขานั้น หัวหน้าคณะนักร้องประสานเสียงได้อ่านพระคริสธรรมคัมภีร์ ซึ่งกล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” พระเยซูกำลังตรัสอยู่จริงๆ ถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์แทนเรา และหัวหน้าคณะนักร้องประสานเสียงได้ชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของการเสียสละอันสูงสุดนี้

 

เราอาจไม่ถูกเรียกร้องให้เสียสละแบบเดียวกับที่เจมส์ได้ทำมาแล้วในโศกนาฏกรรมอันน่าสะพรึงกลัว แต่เรามีโอกาสที่จะสละความสุขส่วนตัวเพื่อแสดงความรักต่อเพื่อนบ้านของเราได้ทุกวัน เราสำแดงความรักมากแค่ไหน? - JDB 

 

ในโลกซึ่ง “ไม่ห่วงใยใคร” นั้น เราควรจะห่วงใยผู้อื่นให้มากขึ้น

คุณค่าของความรัก

ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน
- ยอห์น 15:13

 

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1954 ร้อยโท เจมส์ โอ คอนเวย์ ได้นำเครื่องบินบรรทุกอาวุธเต็มอัตรา บินขึ้นจากสนามบิน ขณะลอยอยู่เหนืออ่าวบอสตัน เขาสูญเสียการควบคุมเครื่องบินอย่างกะทันหัน ในวินาทีนั้นเอง คอนเวย์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ คือเขาจะต้องดีดตัวออกจากเครื่องเพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ แต่เครื่องบินก็จะพุ่งเข้าไปในเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนและผู้คนมากมาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าคอนเวย์เลือกที่จะให้เครื่องบินพุ่งลงอ่าวและยอมสละชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น

 

พระเยซูตรัสว่า “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” ความเต็มใจเสียสละจนถึงที่สุดเพื่อปกป้องผู้อื่น แสดงถึงหัวใจที่ใส่ใจในความต้องการของผู้อื่นมากกว่าความต้องการของตนเอง ใครคนหนึ่งเคยพูดเอาไว้ว่า “คุณค่าของความรักนั้น วัดได้จากสิ่งที่คนคนหนึ่งยินดีสละเพื่อแลกกับความรัก”

 

พระเจ้าพระบิดาทรงรักเรามาก จนยอมสละพระบุตรของพระองค์ พระเยซูก็ทรางรักเรามากจนยอมสละพระชนม์ของพระองค์ กระทั่งยอมรับเอาความบาปของเราไว้และตายแทนเรา

 

ความรักของพระเจ้าที่มอบให้คุณนั้นยิ่งใหญ่นัก คุณรับความรักของพระองค็ไว้เป็นการส่วนตัวแล้วหรือยัง? - BC 

 

ไม่มีสิ่งใดแสดงถึงความรักของพระเจ้า
ได้ดีไปกว่าไม้กางเขนของพระคริสต์