ร้องไห้และชื่นชมยินดี

จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ - โรม 12:15

โกลดา เมียร์ รู้ว่าตลอดชีวิตของเธอมีทั้งการต่อสู้และความสำเร็จ ในฐานะนายกรัฐมนตรีหญิงของอิสราเอล เธอผ่านความขัดแย้งและการสูญเสียมามากมาย รวมทั้งได้ชื่นชมยินดีในความสำเร็จ และชัยชนะของประเทศเกิดใหม่อย่างอิสราเอลเป็นระยะๆ เธอพูดถึงความสุขและความทุกข์เอาไว้ว่า “คนที่ไม่เคยร้องไห้คร่ำครวญจนหมดหัวใจ จะไม่มีวันรู้เลยว่าต้องหัวเราะอย่างไร”

พระคัมภีร์ได้ให้ข้อคิดในชีวิตที่มีทั้งการหัวเราะและร้องไห้ในมุมที่ต่างออกไป โดยให้เราตระหนักถึงความต้องการของผู้อื่นแทนที่จะติดยึดอยู่กับเรื่องของตนเอง ดังนี้ว่า “จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้”

หากเรามัวแต่ชื่นชมยินดีอยู่กับชัยชนะของตนเอง เราก็จะไม่ได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่กระทำในชีวิตของตนเองและผ่านไปยังผู้อื่น หากเรามัวแต่คร่ำครวญถึงสิ่งที่สูญเสีย เราก็จะพลาดโอกาสที่จะไป “อยู่ตรงนั้น” เพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจกับผู้ที่กำลังสูญเสียและเจ็บปวด

ชีวิตคนเรานั้นมีทั้งสุขและทุกข์ มีแพ้...มีชนะ แต่เราได้รับสิทธิพิเศษที่จะเข้าไปในช่วงเวลาเหล่านั้นของผู้อื่น เพื่อจะได้เห็นพระคุณของพระเจ้าที่ทำงานอยู่ในชีวิตของพวกเขา ...อย่าได้พลาด! - BC

การมองเห็นความต้องการของคนอื่นเป็นการถวายเกียรติแด่พระคริสต์

เมฆฝนกับฟ้าใส

เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆ น้อยๆ ของเรา…เรารับอยู่ ประเดี๋ยวเดียว - 2 โครินธ์ 4:17

วันหนึ่งฉันรู้สึกแย่ จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้จิตใจของตนเองฟื้นชื่นขึ้นมาได้ ฉันจึงอ่านหนังสือ “ชีวิตเหมือนกับการเลียน้ำผึ้งจากต้นหนาม”ของซูซาน เลนสกี้ ที่เขียนว่า “ชีวิตมีทั้งการหัวเราะและการร้องไห้ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอพระเจ้าช่วยให้เราเห็นว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีเหตุมีผล”

เลนสกี้กล่าวว่า คนบางคนมองโลกในแง่ดี คนพวกนี้จะ “รับไว้เฉพาะความสุขและความทรงจำดีๆ” แต่ปฏิเสธความทุกข์ใจ ขณะที่บางคนมองโลกในแง่ร้าย “จะจดจ่ออยู่กับการสูญเสีย จนชีวิตขาดความสุขและชัยชนะ” แต่สำหรับคนที่มีความเชื่อจะมองโลกในความเป็นจริง “ยอมรับทั้งด้านดีและไม่ดีของชีวิต และตระหนักว่าพระเจ้าทรงรักเราอย่างแท้จริง และพระองค์ทรงกระทำกิจอยู่ทุกเวลา เพื่อให้ทุกสิ่งเป็นผลดีต่อเราและเพื่อพระสิริของพระองค์”

ขณะที่อ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นก้อนเมฆสีดำและฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย แต่ไม่นานหลังจากนั้นลมเย็นสบายก็พัดมาช่วยหอบเอาก้อนเมฆนั้นไป ทันใดนั้นท้องฟ้าก็แจ่มใส ดั่งเช่น พายุของชีวิตที่พัดเข้ามา และออกไปเช่นเดียวกัน

โดยความเชื่อ เราจะยึดพระสัญญาของพระเจ้าไว้ และตระหนักว่า “การทุกข์ยากเล็กๆน้อยๆของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้” พระเจ้าทรงรักเรา และเตรียมเราไว้สำหรับวันที่ฟ้าใสตลอดกาล - AMC

พระเจ้าทรงสัญญาว่าเราจะลงจอดอย่างปลอดภัย
แต่หนทางไม่จำเป็นต้องราบเรียบเสมอไป

จับมือไว้

อย่ากลัวและอย่าขยาดเลย - เฉลยธรรมบัญญัติ 31:8

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเดินไปยังประภาคาร คลื่นสูงในทะเลสาบมิชิแกนได้ซัดสาดขึ้นมาบนท่าเรืออย่างน่ากลัว ฉันได้ยินเด็กน้อยพูดกับพ่อของเธอว่า “พ่อขา ขอเดินอยู่ข้างๆหนูและจับมือหนูไว้นะคะ”

บางครั้งชีวิตก็มีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นทั้งการสูญเสียคนที่รัก ปัญหาการเงิน และสุขภาพที่ทรุดโทรมขณะที่เราต้องแบกภาระหนักและความกังวลเหล่านี้ เราปรารถนามือที่เข้มแข็งที่จะประคองเราให้มั่นคงและปลอดภัย

เมื่อโยชูวาต้องขึ้นมาเป็นผู้นำอิสราเอล โมเสสเตือนให้เขาระลึกถึงการช่วยเหลือของพระเจ้าในยามยากลำบาก โดยไม่ลืมที่จะวางใจพระเจ้าและพระสัญญาของพระองค์ โดยกล่าวว่า “ผู้ที่ไปข้างหน้าคือพระเจ้า พระองค์ทรงสถิตอยู่ด้วย พระองค์จะไม่ทรงปล่อยท่านให้ล้มเหลว หรือทอดทิ้งท่านเสีย อย่ากลัวและอย่าขยาดเลย”

และพระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งได้ให้กำลังใจว่า “เราคือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า ยุดมือขวาของเจ้าไว้ คือเราเองพูดกับเจ้าว่าอย่ากลัวเลย เราจะช่วยเจ้า” เมื่อชีวิตเริ่มน่ากลัว พระเจ้าทรงอยู่กับเรา เราสามารถยึดพระหัตถ์อันเข้มแข็งของพระองค์ไว้ได้

พระองค์จะทรงเดินเคียงข้างและจูงมือเราตลอดเส้นทางที่ “น่ากลัว” - AMC

ความกลัวบินหนีไปเมื่อเผชิญกับแสงแห่งการทรงสถิตของพระเจ้า

มันก็แค่วันนี้ ...ไม่ใช่ตลอดไป

ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไปเพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว - วิวรณ์ 21:4

เมื่อเป็นเด็ก ฉันมักจะแสดงอาการเจ็บเกินเหตุ เช่น เป็นแผลฟกช้ำหรือมีรอยถลอกเพียงเล็กน้อย ซึ่งพ่อจะสอนฉันว่า “ลองคิดถึงเวลาที่แผลหายเจ็บแล้วสิลูก ว่าจะรู้สึกดีสักแค่ไหน” คำแนะนำของพ่อในตอนนั้นดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เพราะฉันคิดอะไรไม่ออกนอกจากความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญอยู่ และดูเหมือนว่าวิธีตอบสนองที่เหมาะที่สุดคือการร้องแผดเสียงกับการบีบน้ำตาออกมาเป็นถังๆ

แต่เมื่อฉันโตขึ้น คำสอนของพ่อได้ช่วยให้ผ่านความทุกข์ยากลำบากบางอย่างมาได้ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดจากความเสียใจ หรือความทรมานจากอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง โดยฉันจะเตือนตัวเองว่า “มันก็แค่วันนี้...ไม่ใช่ตลอดไป”

เราสามารถมั่นใจว่า พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีไว้ให้กับเราความทุกข์ไม่ได้เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างตั้งแต่เริ่มต้น แต่เป็นสัญญาณเตือนว่า โลกนี้มีการละเมิดกฏระเบียบที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ และให้ทราบถึงแผนการของพระเจ้าที่จะช่วยโลกนี้พ้นจากความทุกข์ยากที่เกิดจากความบาป

แม้ชีวิตจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและความผิดหวังได้ แต่เรารู้ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ความทุกข์ที่เกิดขึ้น มันก็แค่วันนี้...ไม่ใช่ตลอดไป - JAL

สิ่งที่จะได้รับในสวรรค์ มีมากเกินพอที่จะชดเชยการสูญเสียในโลกนี้

วิ่งในทิศทางที่ถูกต้อง

ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่าพระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์” - ยอห์น 6:68

ประสบการณ์ที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งตลอดหลายปีของผมก็คือ การบอกกับสมาชิกคริสตจักรคนหนึ่งว่าสามี ลูก และพ่อสามีของเธอ จมน้ำเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางเรือ ผมรู้ว่าข่าวนี้จะทำให้ใจของเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องประหลาดใจคือ ครอบครัวนี้สามารถรับมือกับปัญหานี้ได้เป็นอย่างดีแม้ว่าความเจ็บปวด ความสับสนสงสัยจะยังตามรบกวนอยู่บ้าง แต่พวกเขายังคงติดตามพระเยซู แทนที่จะผละจากพระองค์ไปในวันแห่งความยากลำบาก พวกเขาได้วิ่งเข้าหาพระองค์ผู้เป็นแหล่งเดียวของความหวังและกำลังใจ

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงปฏิกิริยาที่เหล่าสาวกมีต่อ พระเยซูบางคนในหมู่พวกเขา “ท้อถอย ไม่ติดตามพระองค์ต่อไปอีก” พระองค์ได้หันไปหาสาวกและถามว่า “ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ?” เปโตรตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้าพวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์”

ไม่ว่าวันนี้คุณกำลังเผชิญกับอะไร ขอให้แบบอย่างของครอบครัวนี้ และคำกล่าวของเปโตรจะเป็นกำลังใจให้คุณสามารถเดินผ่านความทุกข์ยาก โดยเข้าหาพระเยซูผู้ที่ซึ่งคุณจะพบกับพระคุณและกำลังที่ต้องการ - JS

เมื่อสูญเสียทุกอย่าง จำไว้ว่าคุณไม่ได้สูญเสียพระเยซูจงวิ่งไปหาพระองค์