ต้อนรับคนแปลกหน้า
ตอนที่เพื่อนๆ ของฉันอาศัยอยู่ที่มอลโดวา ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่จนที่สุดในยุโรป พวกเขาปลื้มใจในการต้อนรับของคนที่นั่นโดยเฉพาะคริสเตียน ครั้งหนึ่งพวกเขานำเสื้อผ้าและของจำเป็นไปโบสถ์เพื่อให้สามีภรรยาซึ่งฐานะยากจน แต่รับเลี้ยงเด็กหลายคนเป็นลูก สามีภรรยาคู่นั้นปฏิบัติต่อเพื่อนของฉันราวกับเป็นแขกสำคัญ ทั้งเสิร์ฟชาและอาหารทั้งที่พวกเขาพยายามปฏิเสธ พวกเขาได้ทั้งผลไม้และพืชผักกลับบ้าน และรู้สึกตื้นตันใจกับการต้อนรับนี้
พันธกิจแห่งการคืนดี
ดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เทศนาวันหนึ่งในปี 1957 เขาต่อสู้กับความรู้สึกอยากตอบโต้สังคมที่มีแต่การเหยียดผิว “คุณจะรักศัตรูได้อย่างไร” เขาถามสมาชิกคริสตจักร “ต้องเริ่มที่ตัวเอง...เมื่อคุณมีโอกาสเอาชนะศัตรู นั่นคือเวลาที่คุณต้องไม่เอาชนะศัตรู”
เวลาที่ไม่ควรยินดี
ชาวอาคานในประเทศกานามีสุภาษิตที่บอกว่า “กิ้งก่าจะไม่โกรธเด็กที่ขว้างหินใส่มันเท่ากับเด็กที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วยินดีในชะตากรรมของมัน” การยินดีเมื่อคนล้มก็เหมือนการมีส่วนร่วมทำให้เขาล้มหรือกระทั่งหวังให้เขาย่ำแย่ลงไปอีก นั่นเป็นท่าทีของคนอัมโมนที่รู้สึกสาแก่ใจเมื่อพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม “เป็นมลทิน และเหนือแผ่นดินอิสราเอลเมื่อได้ถูกกระทำให้ร้างเปล่า และเหนือพงศ์พันธุ์ยูดาห์เมื่อถูกกวาดไปเป็นเชลย” (เอเสเคียล 25:3) เพราะคนอัมโมนเฉลิมฉลองในความตกต่ำของอิสราเอลด้วยใจคิดร้าย พวกเขาจึงต้องเผชิญกับความไม่พอพระทัยของพระเจ้า ซึ่งส่งผลร้ายแรง (เอเสเคียล 25:4-7)
คุ้มค่า
เมื่อถึงปลายศตวรรษที่ 4 ผู้ติดตามพระคริสต์ก็ไม่ถูกจับให้สิงโตกินเพื่อความบันเทิงของชาวโรมันอีกต่อไป แต่เกมความตายยังคงมีอยู่จนกระทั่งวันที่ชายคนหนึ่งกระโดดออกมาจากฝูงชนด้วยความกล้าหาญเพื่อห้ามนักสู้สองคนไม่ให้ฆ่ากันเอง