สร้างบ้านไว้บนศิลา หรือ พื้นทราย... สิ่งที่คิดว่าชีวิตนี้ ไม่เคยได้เห็น...ก็ได้เห็น โรคระบาดร้ายแรง COVID-19 ที่เกิดขึ้นในจีนและลุกลามไปทั่วโลก ถึงขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อใกล้แตะหนึ่งล้านคนแล้ว มีคนตายเกือบแสนคนทั่วโลก จนทำให้หลายประเทศต้องประกาศปิดประเทศ ห้ามคนออกจากบ้าน เพื่อหยุดการแพร่เชื้อ ธุระกิจเกือบทั้งหมดต้องหยุดทำให้มีคนตกงานทันทีหลายล้านคนในประเทศไทย มีคนกล่าวว่าเป็นวิกฤตที่สร้างความเสียหายมากที่สุดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีประเทศใดที่ไม่โดนผลกระทบ โลกกำลังถูกถล่มด้วยระเบิดนิวเคลียร์นับร้อยๆลูก ถูกเขย่าด้วยฤทธิ์ของแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุด ไม่มีสิ่งใดที่รอดพ้นจากการทำลายล้างในครั้งนี้ไปได้ ผลที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดการ Disruption การเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดถอนรากถอนโค่นขนานใหญ่ในทุกวงการ รวมทั้งคริสตจักรและพันธกิจรับใช้พระเจ้า แม้ว่าวิกฤตครั้งนี้ จะสามารถผ่านพ้นไปหลังจากค้นพบวัคซีนได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ผมขอยืนยันว่า โลกของเราจะไม่มีวันหวนกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป โลกของเราจะไม่มีวันหวนกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป วิกฤตครั้งนี้ได้ผลักทุกคนให้ตกลงไปในน้ำที่เชี่ยวกราก ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ ไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่ ไม่ว่าจะอยากหรือไม่ แต่เมื่อตกลงไปในน้ำแล้ว ทางเดียวที่จะรอดได้คือต้องพยุงตัวไม่ให้จมน้ำตาย แม้ว่าจะว่ายน้ำไม่เป็น ก็ต้องว่ายให้ได้ หลายอย่างที่ไม่เคยทำก็ต้องหัดทำให้ได้ ดังนั้นเราจึงเห็นคริสตจักรทุกแห่งต้องถ่ายทอดสดการนมัสการ ONLINE ทันทีเมื่อรัฐบาลสั่งห้ามการชุมนุมกันของคนหมู่มาก การประชุมเซลต้องหยุด ชั้นสอนพระคัมภีร์ก็ทำไม่ได้ ต้องหยุดการเยี่ยมเยี่ยนเพราะถือว่ามีความเสี่ยง ชีวิตคริสตจักรอย่างที่เราคุ้นเคยได้เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน
วิกฤตในครั้งนี้ได้ทดสอบคริสตจักรทุกแห่ง ผู้นำทุกคน และสมาชิกแต่ละคนว่า เขาได้ “สร้างบ้านไว้บนศิลาหรือบนดินทราย”ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นคริสตจักรหลายแห่งค่อยๆอ่อนแอลง ในขณะที่บางแห่งกลับเข้มแข็งเติบโตขึ้น วิกฤตจะเผยให้เห็นสภาวะผู้นำที่แท้จริงของแต่ละคนว่าเป็นผู้นำแบบไหน คริสเตียนที่มีชีวิตที่สัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าเท่านั้นที่จะอยู่รอดปลอดภัย ภายใต้สภาวะการณ์ที่ไม่มีตัวช่วยอะไรเลย ไม่ว่าการนมัสการ ไม่มีกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ และไม่มีกลุ่มสามัคคีธรรม แบบปกติ
วิกฤตในครั้งนี้ทำให้เราเข้าใจนิยามคำว่าคริสตจักรใหม่ว่าไม่ใช่ตัวอาคารสถานที่ ไม่ใช่แค่กิจกรรมหรือรายการต่างๆ แต่หมายถึงชีวิตของผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ที่ยังมุ่งมั่นรักที่จะร่วมกันในการนมัสการพระเจ้า และเชื่อมโยงผูกพันธ์กันด้วยความรักผ่านทุกช่องทางที่ทำได้ พร้อมที่จะสำแดงความรักและช่วยเหลือต่อกันและกัน คริสตจักรที่แท้จริงเมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหาก็จะยิ่งเจริญเติบโต ไม่ใช่ฝ่อเหี่ยวแห้งเฉาตาย กาลเวลาจะพิสูจน์ว่าใครคือทองแท้ ใครคือของเก๊ วิกฤตในครั้งนี้ทำให้เราเข้าใจนิยามคำว่าคริสตจักรใหม่ว่าไม่ใช่ตัวอาคารสถานที่ ไม่ใช่แค่กิจกรรมหรือรายการต่างๆ แต่หมายถึงชีวิตของผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ที่ยังมุ่งมั่นรักที่จะร่วมกันในการนมัสการพระเจ้า เนื่องจากความสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี่ของแต่ละคริสตจักรไม่เท่ากัน แต่ทุกแห่งมีความจำเป็นในการใช้เท่ากัน ดังนั้นเพื่อช่วยเหลือพี่น้องในคริสตจักรต่างๆ จะเป็นการดีที่หน่วยงานต้นสังกัด ไม่ว่าสภาคริสตจักร สหกิจ และแบ๊บติส จะจัดทำ Package set ในการใช้ Application ต่างๆที่จำเป็นให้แก่คริสตจักรภายใต้การดูแลไปศึกษาและใช้งาน พร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็น เพราะวิกฤตที่เกิดขึ้นนี้คงไม่จบลงง่ายๆอย่างที่หลายคนคาดหวัง แต่อาจจะยืดยาวออกไปอีกหลายเดือนหรือนานเป็นปี และอาจจะมีการระบาดเกิดขึ้นใหม่เป็นละลอกๆจนต้องมีการกักตัวอยู่แต่ในบ้านอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ ร่วมรับใช้พระคริสต์ แชร์บทความนี้ |