ชีวิตอยู่ยาก...แต่อยู่ได้ หลายวันมานี้ผมกับภรรยาได้แต่ปรับทุกข์กันว่า ชีวิตในช่วงนี้อยู่ยากจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องโรคระบาด COVID-19 ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก จนเศรษฐกิจไทยทรุดแบบกู่ไม่กลับ ธุรกิจในทุกวงการโดนผลกระทบจนไม่รู้ว่าอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะมีธุรกิจทั้งใหญ่และเล็กล้มหายตายจากไปกี่มากน้อย ตลาดหุ้นตกหนักจนลงมาต่ำกว่าพันจุดแล้ว นอกจากนี้ปัญหาเรื่องหมอกควันที่กำลังเป็นปัญหาหนักที่เชียงใหม่ วันนี้ขึ้นไปถึง 400 และที่จังหวัดพะเยาสูงถึง 600 สูงสุดของโลก แม้แต่อยู่ในบ้านก็ยังต้องสวมหน้ากาก ผมและภรรยาต้องทานยาแก้ภูมิแพ้ทุกวัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเมืองที่ร้อนระอุ พวกนักศึกษาและนักเรียนกำลังเตรียมออกมาขับไล่รัฐบาล และสุดท้ายปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นแล้ว ปีนี้จะหนักหนาถึงขนาดบางพื้นที่อาจไม่มีน้ำกินน้ำใช้กันเลยทีเดียว สรุปแล้วไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่ถูกกระทบจากปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ดูแล้วโลกเราทุกวันนี้อยู่ยากจริงๆ...
“แล้วเราจะอยู่กันอย่างไง? ” “อวสานของสิ่งทั้งปวงมาใกล้แล้ว เพราะฉะนั้นพวกท่าน จงมีสติสัปชัญญะ และ จงรู้จักสงบใจเพื่อการอธิษฐานเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ จงรักกันและกันให้มาก...” (1 เปโตร 4:7-8) ตัวยา 3 ขนาน ที่ผมได้รับจากพระธรรมตอนนี้ 1. จงมีสติสัมปชัญญะ
โรคระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หลายคนวิตกจริตจนไม่เป็นอันทำอะไร วันๆได้แต่เปิดดูข่าวใน Facebook และ Line ที่เพื่อนๆช่วยกันส่งต่อมาให้อ่าน ทั้งข่าวจริงและข่าวหลอกลวง จนเราถูกครอบงำด้วยข่าวสารด้านลบมากเกินไป จนชีวิตไม่มีความสุข พระวจนะในตอนนี้เตือนเราที่จะมีสติสัมปชัญะ เราต้องรักษาใจของเราด้วยการเสพข่าวแต่พอดี และอ่านจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เท่านั้น ในขณะเดียวกันต้องอ่านพระคัมภีร์ให้มาก เพราะพระวจนะพระเจ้าจะก่อให้เกิดความเชื่อ และความหวัง ข่าวร้ายจะต้องถ่วงดุลด้วยข่าวดีจากพระวจนะพระเจ้า จงตั้งสติให้ดี เราต้อง ตระหนัก เพื่อป้องกันภัยที่เกิดขึ้น แต่ต้องไม่ ตระหนกจนวิตกจริต
2. จงรู้จักสงบใจเพื่อการอธิษฐาน
ถึงเวลาแล้วที่คริสเตียนจะต้องเอาจริงเอาจังในเรื่องการอธิษฐานเสียที วิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ มีแต่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายๆเหล่านี้ให้กลับกลายเป็นเรื่องดีได้ ขอให้ปัญหาผลักเราให้เข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น เหมือนอย่างพระเยซูคริสต์เมื่อคราวที่จะต้องเดินไปสู่ความตายที่ไม้กางเขน สิ่งที่พระองค์ทำในสวนเกสมาเน คือ อธิษฐาน และนั่นคือพลังที่ทำให้พระองค์สามารถผ่านพ้นการทดลองที่ยากลำบากนั้นไปได้และประสบชัยชนะในที่สุด
3. จงรักกันและกันให้มาก
เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับวิกฤต นอกจากพลังที่ได้รับจากพระเจ้าผ่านการอธิษฐานแล้ว สิ่งที่จะช่วยเราได้อย่างมากอีกทางหนึ่งก็คือกำลังใจที่ได้รับจากพี่น้องพระเจ้าทรงทราบว่า โดยลำพังตัวคนเดียวเราคงไม่สามารถที่จะฟันฝ่าปัญหาไปได้ แต่ด้วยความรักที่มีต่อกันและกันจะช่วยทำให้เราเข้มแข็งเหมือนก่อไผ่ที่ช่วยพยุงกันและกันในวันที่มีพายุกล้า ดังนั้นการสามัคคีธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในเวลาเช่นนี้ แม้ว่าการระบาดของโรค COVID-19 จะมาอยู่ใกล้ระดับ 3 แล้ว และทางการจะได้ขอความร่วมมือที่จะไม่ให้มีการประชุมกันของคนหมู่มาก ซึ่งทำให้คริสตจักรใหญ่ๆบางแห่งได้ออกประกาศมาแล้วว่าจะให้สมาชิกนมัสการพระเจ้าผ่านการถ่ายทอดสดที่บ้านแทน โดยไม่ต้องเดินทางมาที่คริสตจักรเหมือนเช่นเคย เพื่อป้องการความเสี่ยงจากการแพร่เชื้อเหมือนอย่างในเกาหลี แม้เราอาจจะไม่สามารถมาพบปะกันได้เหมือนปกติ แต่เราสามารถที่จะใช้เทคโนโลยีต่างๆที่จะช่วยให้พวกเรายังคงหนุนใจกันและกันเหมือนอย่างที่เคย
สิ่งที่ผมเคยกังวลว่า...เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะมา Disrupt คริสตจักร แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ Disrupt คริสตจักรอย่างรุนแรงและทันทีทันใดชนิดคาดไม่ถึงกลับเป็น...โรคระบาด เจ้าไวรัสตัวจิ๋วที่ชื่อว่า COVID-19 ดังนั้นคริสตจักรนับจากนี้ไปจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบใหม่ๆ และจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป... ขอพระเจ้าคุ้มครอง แชร์บทความนี้ |