ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Jennifer Benson Schuldt

พระเยซูแห่งพระวจนะ

เสียงอื้ออึงในห้องค่อยๆเบาลงสู่ความเงียบที่สบายหูเมื่อหัวหน้าชมรมการอ่านกำลังสรุปนวนิยายที่กลุ่มจะอภิปรายร่วมกัน โจแอนเพื่อนของฉันตั้งใจฟังแต่ไม่คุ้นกับโครงเรื่อง ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเธออ่านหนังสือสารคดีที่มีชื่อคล้ายกับนวนิยายที่คนอื่นอ่านมา แม้ว่าเธอจะชื่นชอบการอ่านหนังสือเล่มที่ “ผิด” แต่เธอไม่สามารถอภิปรายหนังสือเล่มที่ “ถูก” ร่วมกับเพื่อนๆได้

อัครสาวกเปาโลไม่ต้องการให้ผู้เชื่อพระเยซูในเมืองโครินธ์เชื่อในพระเยซูที่ “ผิด” ท่านชี้ให้เห็นว่าพวกสอนผิดได้แทรกซึมเข้ามาในคริสตจักรและสอนถึง “พระเยซู” อีกองค์หนึ่งแก่พวกเขา และพวกเขาก็เชื่อคำโกหกนั้น (2 คร.11:3-4)

เปาโลประณามคำสอนนอกรีตของพวกสอนเท็จเหล่านี้ ในจดหมายฉบับแรกที่ท่านเขียนถึงคริสตจักรโครินธ์ ท่านได้ทบทวนความจริงเกี่ยวกับพระเยซูตามที่เขียนไว้ในพระวจนะ พระเยซูองค์นี้คือพระเมสสิยาห์ผู้ “ทรงวายพระชนม์เพราะบาปของเรา... วันที่สามพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่... ทรงปรากฏแก่...อัครทูตสิบสองคน” และสุดท้ายทรงปรากฏแก่เปาโลเอง (1 คร.15:3-8) พระเยซูผู้นี้เสด็จเข้ามาในโลกโดยหญิงพรหมจารีย์ชื่อมารีย์ และทรงถูกเรียกว่า อิมมานูเอล (พระเจ้าทรงอยู่กับเรา) เพื่อยืนยันถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์ (มธ.1:20-23)

ฟังดูเหมือนกับพระเยซูที่คุณรู้จักไหม การเข้าใจและยอมรับความจริงที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์เกี่ยวกับพระองค์ จะทำให้เรามั่นใจว่าเราอยู่บนเส้นทางฝ่ายวิญญาณที่จะนำไปสู่สวรรค์

คริสต์มาสอัศจรรย์

ที่ร้านขายของมือสอง ฉันพบแบบจำลองการบังเกิดของพระเยซูในกล่องกระดาษที่เก่าและผุพัง เมื่อฉันหยิบพระกุมารเยซูขึ้นมาดู ฉันสังเกตเห็นรายละเอียดของร่างกายทารกที่ถูกแกะสลักมาอย่างประณีต เด็กแรกเกิดผู้นี้ไม่ได้นอนหลับตาอยู่ในผ้าห่ม แต่เขาตื่นอยู่พร้อมกับยื่นแขนและกางนิ้วมือออกมาราวกับจะบอกว่า “ผมอยู่ที่นี่!”

รูปแกะสลักนี้แสดงให้เห็นถึงความอัศจรรย์ของวันคริสต์มาส ที่พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ลงมายังโลกในสภาพมนุษย์ เมื่อพระกุมารเยซูเติบโตขึ้น มือเล็กๆของพระองค์ทรงจับของเล่น ถือคัมภีร์โทราห์ แล้วก็ทำเฟอร์นิเจอร์ ก่อนที่จะเริ่มต้นพันธกิจของพระองค์ พระบาทของพระองค์ที่อวบอิ่มและสมบูรณ์เมื่อแรกเกิด ได้เติบโตขึ้นและนำพระองค์จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเพื่อเทศนาสั่งสอนและรักษาโรค ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พระหัตถ์และพระบาทของพระองค์ถูกตอกด้วยตะปูเพื่อตรึงพระกายของพระองค์บนกางเขน

โรม 8:3 (ฉบับ NLT) กล่าวว่า “ในร่างกายนั้น พระเจ้าทรงประกาศจุดจบของความบาปที่ควบคุมเราอยู่ โดยการประทานพระบุตรของพระองค์เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป” หากเรายอมรับเครื่องบูชาของพระเยซูเป็นค่าไถ่สำหรับความผิดบาปทั้งสิ้นของเรา และยอมมอบชีวิตของเราให้กับพระองค์ เราจะได้รับการปลดเปลื้องจากพันธนาการของความบาป เพราะพระบุตรของพระเจ้าที่ทรงถือกำเนิดมาเพื่อเรานั้น เป็นทารกที่มีเนื้อหนังและขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้จริง เราจึงมีหนทางที่จะพบกับสันติสุขและความมั่นใจในการมีชีวิตนิรันดร์ร่วมกับพระองค์

ใช้เสียงของคุณ

ลิซ่าต้องต่อสู้กับการพูดติดอ่างและกลายเป็นคนกลัวการเข้าสังคมที่ต้องพูดคุยกับผู้คนตั้งแต่เธออายุแปดขวบ แต่ช่วงชีวิตต่อมาหลังเข้ารับการบำบัดด้านการพูดช่วยให้เธอเอาชนะอุปสรรคได้ ลิซ่าจึงเลือกที่จะใช้เสียงของเธอช่วยเหลือผู้อื่น เธอเริ่มงานอาสาสมัครเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์สำหรับผู้ที่โศกเศร้า

โมเสสก็ต้องเผชิญหน้ากับความกังวลในเรื่องการพูดเพื่อช่วยนำชนชาติอิสราเอลออกจากการเป็นเชลย พระเจ้าขอให้ท่านสื่อสารกับฟาโรห์ แต่โมเสสทักท้วงเพราะรู้สึกไม่มั่นใจความสามารถในการพูดของตน (อพย.4:10) พระเจ้าทรงท้าทายท่านว่า “ผู้ใดเล่าที่สร้างปากมนุษย์” จากนั้นพระองค์ทรงรับรองกับโมเสสว่า “เราจะอยู่ที่ปากของเจ้า และจะสอนคำซึ่งควรจะพูด” (ข้อ 11-12)

การตอบสนองของพระเจ้าย้ำเตือนเราว่า พระองค์สามารถกระทำพระราช-กิจอันทรงฤทธิ์ผ่านทางเราแม้เราจะมีข้อจำกัด แต่ถึงเราจะทราบดีอยู่แก่ใจก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะทำ โมเสสยังคงขัดขืนและอ้อนวอนให้พระเจ้าทรงใช้ผู้อื่นไปแทน (ข้อ 13) พระเจ้าจึงทรงอนุญาตให้อาโรนพี่ชายของท่านไปกับท่าน (ข้อ 14)

เราแต่ละคนมีเสียงที่สามารถช่วยผู้อื่นได้ เราอาจกลัว เราอาจรู้สึกไร้ความสามารถ เราอาจรู้สึกว่าไม่มีคำพูดที่เหมาะสม

พระเจ้าทรงทราบว่าเรารู้สึกเช่นไร พระองค์สามารถประทานถ้อยคำและทุกสิ่งที่เราต้องการ เพื่อจะรับใช้ผู้อื่นและทำงานของพระองค์ให้สำเร็จ

สัญญาณของชีวิต

เมื่อลูกสาวของฉันได้ปูเลี้ยงสองตัวเป็นของขวัญ เธอใส่ทรายในตู้กระจกเพื่อมันจะได้ขุดและปีนป่าย เธอเตรียมน้ำ โปรตีน และเศษผักสำหรับเป็นอาหารเย็นของพวกมัน พวกมันดูมีความสุขดี จึงเป็นเรื่องน่าตกใจเมื่อวันหนึ่งพวกมันหายไป เราค้นหาไปทุกที่ ในที่สุดเราก็รู้ว่าพวกมันอยู่ใต้ทราย และจะอยู่อย่างนั้นประมาณสองเดือนเพื่อลอกคราบ

สองเดือนผ่านไป และอีกเดือนก็ผ่านไป ฉันเริ่มกังวลว่าพวกมันจะตาย ยิ่งเรารอนานฉันก็ยิ่งหมดความอดทน และในที่สุดเราก็มองเห็นสัญญาณของการมีชีวิต และเจ้าปูก็ออกมาจากทราย

ฉันสงสัยว่าชนชาติอิสราเอลคงสงสัยในคำเผยพระวจนะที่พระเจ้าตรัสกับพวกเขาว่าจะสำเร็จเป็นจริงได้อย่างไรในตอนที่พวกเขาเป็นทาสอยู่บาบิโลน พวกเขารู้สึกสิ้นหวังหรือเปล่า พวกเขากังวลว่าจะอยู่ที่นั่นไปตลอดหรือไม่ พระเจ้าตรัสผ่านเยเรมีย์ว่า “เราจะเยี่ยมเยียนเจ้าและจะให้คำสัญญาของเรา สำเร็จเพื่อเจ้าและจะนำเจ้ากลับมาสู่ (เยรูซาเล็ม)” (ยรม.29:10) แน่นอนว่าในอีก 70 ปีให้หลังพระเจ้าทรงให้กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียอนุญาตให้ชาวยิวกลับสู่เยรูซาเล็มและสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ (อสร.1:1-4)

ในฤดูกาลแห่งการรอคอยที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น พระเจ้าไม่ได้ทรงลืมเรา ขณะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยให้เราพัฒนาความอดทน เรารู้ได้ว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานความหวัง ผู้รักษาสัญญา และผู้เดียวที่ทรงควบคุมอนาคต

หันไปทางใด

ทุกคนในชั้นมัธยมปลายชื่นชมทัศนคติที่เรียบง่ายสบายๆ และทักษะด้านกีฬาของแจ็ค เขามีความสุขที่สุดเมื่ออยู่กลางอากาศเหนือทางลาดรูปตัวยู มือข้างหนึ่งจับสเก็ตบอร์ด ส่วนอีกมือหนึ่งเหยียดออกเพื่อทรงตัวแจ็คตัดสินใจติดตามพระเยซูหลังจากที่เขาเริ่มไปคริสตจักรแถวบ้าน ก่อนหน้านั้นเขาต้องอดทนกับความขัดแย้งอย่างหนักภายในครอบครัว และเคยใช้ยาเสพติดเพื่อเยียวยาความเจ็บปวด หลังจากที่เขากลับใจแล้วไม่นานทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่หลายปีต่อมาเขาเริ่มใช้ยาอีกครั้ง เพราะขาดการช่วยเหลือที่เหมาะสมและการรักษาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาจึงเสียชีวิตจากการใช้ยาเสพติดเกินขนาด

เรามักจะหันกลับไปหาสิ่งที่คุ้นเคยเมื่อเราเผชิญกับความทุกข์ยาก เมื่อชนชาติอิสราเอลรู้สึกทุกข์ร้อนใจจากการที่อัสซีเรียกำลังจะมาโจมตี พวกเขากลับไปหาคนอียิปต์ที่พวกเขาเคยตกเป็นทาส เพื่อขอความช่วยเหลือ (อสย.30:1-5) พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่าสิ่งนี้จะเป็นหายนะ แต่พระองค์ยังทรงดูแลพวกเขาต่อไปแม้พวกเขาเลือกทำสิ่งที่ผิด อิสยาห์ได้กล่าวถึงพระทัยของพระเจ้าว่า “พระเจ้าทรงคอยที่จะทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงลุกขึ้นเพื่อเมตตาเจ้า” (ข้อ 18)

นี่คือท่าทีของพระเจ้าที่มีต่อเรา แม้เมื่อเราเลือกที่จะมองหาสิ่งอื่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเรา พระองค์ทรงต้องการช่วยเรา พระองค์ไม่ต้องการให้เราทำร้ายตัวเองด้วยนิสัยที่จะทำให้เราตกเป็นทาส สารเสพติดและพฤติกรรมบางอย่างล่อลวงเราโดยการทำให้เรารู้สึกสบายใจอย่างรวดเร็ว แต่พระเจ้าทรงต้องการมอบการรักษาที่แท้จริงให้แก่เราเมื่อเราเดินใกล้ชิดกับพระองค์

แข็งแกร่งดุจเหล็ก

ด้วงเกราะเหล็กได้ชื่อว่าเป็นแมลงที่มีเปลือกแข็งซึ่งปกป้องพวกมันจากผู้ล่า แต่ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของแมลงตัวนี้คือ มันจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าปกติภายใต้แรงกดดัน เปลือกนอกที่แข็งของมันจะไม่แตก แต่จะยืดออกตรงจุดที่เป็นรอยต่อ แผ่นหลังที่แบนราบและเตี้ยของมันยังช่วยให้มันมีความทนทานต่อการแตกหัก จากการทดสอบทางวิทยาศาสตร์พบว่าด้วงเกราะเหล็กสามารถรับน้ำหนักที่กดทับลงมาบนตัวของมันได้เกือบ 40,000 เท่าของน้ำหนักตัว

เหมือนกับที่พระเจ้าสร้างแมลงตัวนี้ให้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ พระองค์ก็ประทานความสามารถในการยืดหยุ่นให้กับเยเรมีย์ด้วยเช่นกัน ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักเมื่อส่งข้อความที่ไม่น่าฟังไปยังอิสราเอล ดังนั้นพระเจ้าจึงสัญญาว่าจะสร้างท่านให้เป็น “เสาเหล็กและกำแพงทองสัมฤทธิ์” (ยรม.1:18) ท่านจะไม่ถูกบดขยี้ ถอดถอน หรือทำให้พ่ายแพ้ ถ้อยคำของท่านจะยืนหยัดอยู่ได้โดยการทรงสถิตและฤทธิ์อำนาจแห่งการช่วยกู้ของพระเจ้า

ในตลอดชีวิตนั้นเยเรมีย์ถูกใส่ร้าย ถูกจับกุม ถูกไต่สวน ถูกทุบตี ถูกคุมขังและโยนลงไปในบ่อน้ำแต่ยังรอดชีวิตมาได้ ท่านยังคงยืนหยัดแม้ภายในจะมีการต่อสู้อย่างหนัก ความสงสัยและความเศร้าโศกตามรังควาน การถูกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องและความกลัวการรุกรานของบาบิโลนยิ่งทำให้ท่านตึงเครียดมากขึ้น

พระเจ้าทรงช่วยเยเรมีย์มาตลอดเพื่อไม่ให้จิตวิญญาณและคำพยานของท่านแตกเป็นเสี่ยง เมื่อเรารู้สึกอยากล้มเลิกภารกิจที่พระองค์ประทานให้ หรือออกจากการดำเนินชีวิตแห่งความเชื่อ ให้เราระลึกว่าพระเจ้าของเยเรมีย์ก็เป็นพระเจ้าของเราด้วย พระองค์สามารถสร้างเราให้แข็งแกร่งดุจเหล็ก เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าจะปรากฏเต็มที่นั่น (2 คร.12:9)

พระเจ้าทรงทราบ

คู่รักที่หยุดชมภาพเขียนนามธรรมขนาดใหญ่สังเกตเห็นกระป๋องสีที่เปิดอยู่และพู่กันที่วางอยู่ข้างใต้ พวกเขาคิดว่ามันเป็น “งานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ” ที่ใครอยากจะช่วยสร้างสรรค์ก็ได้ พวกเขาจึงทาสีเพิ่มเข้าไปแล้วจากไป แต่ศิลปินได้จงใจทิ้งอุปกรณ์เอาไว้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดแสดงผลงานที่วาดเสร็จแล้ว หลังจากดูคลิปวีดิโอของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางห้องแสดงภาพยอมรับว่ามันเป็นความเข้าใจผิดและไม่ได้แจ้งตำรวจ

ชนชาติอิสราเอลที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนได้ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเมื่อพวกเขาสร้างแท่นบูชาใหญ่โตขึ้นที่ริมแม่น้ำ คนที่อยู่ฝั่งตะวันตกมองว่านี่เป็นการกบฏต่อพระเจ้า เพราะทุกคนต่างรู้ว่าพลับพลาเป็นที่แห่งเดียวที่พระเจ้าอนุญาตให้มีการนมัสการได้ (ยชว.22:16)

ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจนกระทั่งผู้คนฝั่งตะวันออกอธิบายว่าพวกเขาตั้งใจจะสร้างแท่นบูชาจำลองขึ้น เพื่อต้องการให้ลูกหลานเห็นและตระหนักถึงความผูกพันด้านความเชื่อและสายเลือดที่พวกเขามีต่อชนชาติอิสราเอลเผ่าอื่นๆ (ข้อ 28-29) พวกเขาอุทานว่า “องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือพระเจ้าพระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงทราบ” (ข้อ 22) ยังดีที่คนเหล่านั้นรับฟัง พวกเขาเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้สรรเสริญพระเจ้า แล้วกลับไปบ้าน

เพราะพระเจ้า “ทรงพิจารณาจิตใจทั้งปวง และทรงเข้าใจในแผนงานและความคิดทั้งปวง” (1 พศด.28:9) พระองค์ทรงทราบแรงจูงใจของทุกคน หากเราขอให้ทรงช่วยเราแก้ไขสถานการณ์ที่สับสน พระองค์อาจประทานโอกาสให้เราได้อธิบายเหตุผลของเรา หรือประทานพระคุณที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อจะให้อภัยเราหันมาหาพระเจ้าได้เมื่อเราแสวงหาการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้อื่น

ความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดา

ในปี 1478 ลอเรนโซ ดี เมดิชี ผู้ปกครองเมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี รอดชีวิตจากการถูกโจมตีมาได้ เมื่อเพื่อนร่วมชาติของเขาจุดชนวนสงครามขณะพยายามตอบโต้การโจมตีผู้นำของตน สถานการณ์แย่ลงไปอีกเมื่อกษัตริย์เฟอร์รานเตที่ 1 แห่งเนเปิลส์ผู้โหดร้ายกลับกลายเป็นศัตรูของลอเรนโซ แต่การกระทำที่กล้าหาญของลอเรนโซเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง เขาเข้าเฝ้ากษัตริย์ตามลำพังโดยปราศจากอาวุธ ความกล้าหาญรวมถึงเสน่ห์และความเฉลียวฉลาดของเขาชนะใจเฟอร์รานเตและทำให้สงครามยุติลง

ดาเนียลก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยกษัตริย์ให้เปลี่ยนใจ ไม่มีใครในบาบิโลนที่สามารถเล่าและแก้ฝันร้ายของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ทำให้พระองค์ทรงกริ้วและรับสั่งให้ฆ่าที่ปรึกษาทั้งหมด รวมถึงดาเนียลและเพื่อนๆของท่าน แต่ดาเนียลขอเข้าเฝ้ากษัตริย์ที่ต้องการประหารเขา (ดนล.2:24)

เมื่ออยู่ต่อหน้าเนบูคัดเนสซาร์ ดาเนียลถวายเกียรติทั้งสิ้นแด่พระเจ้าผู้ทรงเผยความลึกลับแห่งความฝัน (ข้อ 28) เมื่อผู้เผยพระวจนะเล่าและแก้ฝันแล้ว เนบูคัดเนสซาร์จึงยกย่องพระเจ้าว่า “พระเจ้าของพระทั้งหลาย และทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของพระราชาทั้งปวง” (ข้อ 47) ความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดาของดาเนียลซึ่งเกิดจากความเชื่อในพระเจ้า ได้ช่วยตัวเขา เพื่อนๆของเขา และที่ปรึกษาคนอื่นๆให้รอดตายในวันนั้น

อาจมีบางคราวในชีวิตของเรา ที่จำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวในการสื่อสารข้อความที่สำคัญ ขอพระเจ้าทรงนำในถ้อยคำของเราและประทานสติปัญญาเพื่อเราจะรู้ว่าควรพูดอะไร และจะพูดอย่างไรให้เกิดผล

ดึงสู่ที่ปลอดภัย

เด็กหญิงตัวน้อยเดินเล่นในธารน้ำตื้นๆโดยมีพ่อคอยมองอยู่ รองเท้ายางของเธอสูงถึงหัวเข่า เมื่อเธอเดินตามน้ำไปเรื่อยๆน้ำก็ลึกขึ้นๆจนไหลเข้าไปในรองเท้ายาง เมื่อเดินต่อไปไม่ได้เธอตะโกนว่า “พ่อ หนูติด!” เพียงสามก้าวผู้เป็นพ่อก็ถึงตัวเธอและดึงเธอขึ้นฝั่งมาบนพื้นหญ้า เธอดึงรองเท้าออกและหัวเราะเมื่อเทน้ำลงพื้น

หลังจากพระเจ้าทรงช่วยกู้ดาวิดผู้เขียนสดุดีจากศัตรู ท่านใช้เวลานั่งลงครู่หนึ่ง “ดึงรองเท้าออก” และปล่อยให้ความโล่งอกท่วมท้นจิตใจ ท่านเขียนเพลงเพื่อบรรยายความรู้สึกว่า “ข้าพเจ้า​ร้อง​ทูล​ต่อ​พระ​เจ้า ผู้​ทรง​สมควร​แก่​การ​สรรเสริญ และ​ข้าพเจ้า​ได้รับ​การ​ช่วย​ให้​พ้น​จาก​ศัตรู​ของ​ข้าพเจ้า” (2 ซมอ.22:4) ท่านสรรเสริญพระเจ้าว่าทรงเป็นศิลา ป้อมปราการ โล่และที่กำบังเข้มแข็ง (ข้อ 2-3) จากนั้นพรรณนาถึงการตอบสนองของพระเจ้าเป็นบทกวีว่า แผ่นดิน​โลก​สั่นสะเทือน พระเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ สายฟ้าที่พุ่งออกมาจากการทรงสถิต พระสุรเสียงอันกึกก้อง และพระองค์ทรงดึง​ท่านออก​จาก​น้ำ​มาก​หลาย (ข้อ 8,10, 13-15,17)

บางทีวันนี้คุณอาจรู้สึกว่ามีการต่อต้านอยู่รอบตัว บางทีคุณอาจติดอยู่ในความบาปที่ทำให้ไม่สามารถเติบโตฝ่ายวิญญาณได้ จงใคร่ครวญว่าพระเจ้าทรงเคยช่วยคุณอย่างไรในอดีต จากนั้นสรรเสริญพระองค์และทูลขอให้พระองค์ทำเช่นนั้นอีกครั้ง! จงขอบพระคุณพระเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงช่วยคุณไว้โดยการพาคุณเข้าสู่แผ่นดินของพระองค์ (คส.1:13)

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา