ผู้โดยสารที่นั่งข้างผมบนเที่ยวบินบอกว่าเธอไม่มีศาสนา และเธอได้อพยพมาอยู่ในเมืองซึ่งมีคริสเตียนจำนวนมาก เมื่อเธอเล่าว่าเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ของเธอไปโบสถ์ ผมจึงถามถึงประสบการณ์ของเธอ เธอบอกว่าเธอคงไม่สามารถตอบแทนความมีน้ำใจของพวกเขาได้ เมื่อเธอพาพ่อที่พิการมายังประเทศใหม่นี้ พวกเพื่อนบ้านมาช่วยสร้างทางลาดที่บ้านของเธอและบริจาคเตียงสำหรับผู้ป่วยรวมถึงอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ เธอบอกว่า “ถ้าการเป็นคริสเตียนทำให้คนจิตใจดีเช่นนี้ ทุกคนก็ควรเป็นคริสเตียน”

สิ่งที่เธอพูดตรงกับสิ่งที่พระเยซูทรงคาดหวัง! พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์” (มธ.5:16) เปโตรได้ยินพระบัญชาของพระคริสต์และถ่ายทอดต่อ “จงรักษาความประพฤติอันดีของท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ เพื่อว่าเมื่อมีคนติเตียนท่านว่าประพฤติชั่ว เขาจะได้เห็นการดีของท่าน และเขาจะได้สรรเสริญพระเจ้า” (1 ปต.2:12)

เพื่อนบ้านของเราที่ไม่ได้เชื่อพระเยซูอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเชื่อและทำไมเราจึงเชื่อเช่นนั้น อย่าวิตกในเรื่องนี้ เพราะจะยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ นั่นคือความรักอันเหลือเฟือของเรา เพื่อนร่วมทางของผมประหลาดใจที่เพื่อนบ้านคริสเตียนของเธอยังคงเอาใจใส่เธอแม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็น “หนึ่งในพวกเขา” (ตามคำพูดของเธอ) เธอรู้ว่าเธอได้รับความรักเพราะพวกเขาเห็นแก่พระเยซู และเธอขอบคุณพระเจ้า เธออาจจะยังไม่เชื่อในพระองค์ แต่เธอรู้สึกขอบคุณที่คนอื่นๆเหล่านั้นเชื่อในพระองค์