“ไปที่ๆมีแสงสว่าง!” นั่นคือสิ่งที่สามีฉันแนะนำขณะที่เราพยายามหาทางออกจากโรงพยาบาลใหญ่ประจำเมืองในบ่ายวันอาทิตย์ไม่นานมานี้ เราไปเยี่ยมเพื่อนคนหนึ่งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และเมื่อเราออกจากลิฟต์ เราไม่พบใครเลยที่จะบอกทางไปยังประตูหน้าซึ่งจะได้พบแสงแดดจ้าของรัฐโคโลราโด เราตระเวนไปตามโถงทางเดินที่เปิดไฟหรี่ ในที่สุดเราก็พบชายคนหนึ่งที่เห็นความสับสนของเรา “โถงทางเดินเหล่านี้ดูเหมือนกันหมด” เขาบอก “แต่ทางออกอยู่ทางนี้” จากคำแนะนำของเขา เราก็พบประตูทางออกซึ่งนำไปสู่แสงแดดจ้าจริงๆ

พระเยซูทรงเชื้อเชิญผู้ไม่เชื่อที่สับสนและหลงทางให้ติดตามพระองค์ออกจากความมืดฝ่ายวิญญาณ “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” (ยน.8:12) ในความสว่างของพระองค์นั้น เราสามารถเห็นสิ่งกีดขวาง บาปและจุดบอดต่างๆ โดยยอมให้พระองค์ขจัดความมืดนั้นออกจากชีวิตเราขณะเมื่อพระองค์ประทานความสว่างของพระองค์เข้าสู่จิตใจและวิถีของชีวิตเรา เช่นเดียวกับเสาเพลิงที่นำคนอิสราเอลผ่านถิ่นทุรกันดาร ความสว่างของพระคริสต์ก็นำการทรงสถิต การปกป้องและการทรงนำของพระเจ้ามาสู่เรา

ตามซึ่งยอห์นได้อธิบายไว้ พระเยซูทรงเป็น “ความสว่างแท้” (ยน.1:9) และ “ความมืดหาได้ชนะความสว่างไม่” (ข้อ 5) แทนที่จะเดินสะเปะสะปะอย่างไร้จุดหมายไปตลอดชีวิต เราสามารถแสวงหาการนำทางจากพระองค์ได้ เพราะพระองค์ทรงส่องสว่างในเส้นทางที่จะไปนั้น