หนูรู้ว่าพ่อกำลังกลับบ้านเพราะพ่อส่งดอกไม้มาให้หนู” นั่นคือคำพูดของพี่สาววัยเจ็ดขวบที่บอกกับแม่ของเราเมื่อพ่อหายตัวไปในปฏิบัติการช่วงสงคราม ก่อนที่พ่อจะไปทำภารกิจ ท่านสั่งดอกไม้ไว้ล่วงหน้าสำหรับวันเกิดของพี่สาวผม และดอกไม้เหล่านั้นมาถึงช่วงที่ท่านหายตัวไป แต่เธอพูดถูก พ่อได้กลับบ้านหลังจากสถานการณ์การต่อสู้ที่ทำร้ายจิตใจ หลายสิบปีต่อมาเธอยังคงเก็บแจกันที่ใส่ดอกไม้ไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ยึดมั่นในความหวังเสมอ

บางครั้งการยึดมั่นในความหวังไม่ใช่เรื่องง่ายในโลกที่แตกสลายเต็มไปด้วยบาปนี้ พ่อไม่ได้กลับบ้านทุกครั้งไป และความปรารถนาของลูกบางครั้งก็ไม่บรรลุผล แต่พระเจ้าประทานความหวังในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด ในสงครามอีกช่วงเวลาหนึ่ง ผู้เผยพระวจนะฮาบากุกทำนายถึงการรุกรานยูดาห์โดยพวกบาบิโลน (ฮบก.1:6; ดู 2 พกษ.24) แต่ท่านยังคงยืนยันว่าพระเจ้าทรงดีพร้อมทุกเวลา (ฮบก.1:12-13) โดยระลึกถึงพระกรุณาที่พระเจ้าทรงมีต่อประชากรของพระองค์ในอดีต ท่านประกาศว่า “แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบานหรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกเทศก็ขาดไป ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า” (3:17-18)

นักวิชาการพระคัมภีร์บางคนเชื่อว่าชื่อฮาบากุกแปลว่า “ยึดมั่น” เรายึดพระเจ้าเป็นความหวังและความชื่นชมยินดีสูงสุดของเราได้ แม้อยู่ท่ามกลางการทดลอง เพราะพระองค์ทรงยึดเราไว้มั่นและจะไม่มีวันปล่อยเราไป