หลังจากพี่น้องสองคนต้องแยกจากกันด้วยการถูกรับไปอุปการะ การตรวจดีเอ็นเอช่วยให้พวกเขากลับมาเจอกันในเกือบยี่สิบปีให้หลัง เมื่อคีรอนส่งข้อความหาวินเซนต์ที่เขาเชื่อว่าเป็นน้องชายนั้น วินเซนต์นึกในใจว่า คนแปลกหน้าคนนี้คือใคร เมื่อคีรอนถามเขาถึงชื่อในตอนแรกเกิด เขาตอบทันทีว่า “ไทเลอร์” พวกเขาจึงรู้ว่าเป็นพี่น้องกัน เขาเป็นที่จดจำจากชื่อของเขา!

เมื่อพิจารณาดูความสำคัญของชื่อจากเรื่องราวในวันอีสเตอร์นั้น มารีย์ชาวมักดาลามายังหลุมศพของพระคริสต์ และเธอร้องไห้เมื่อเห็นว่าพระศพของพระองค์หายไป พระเยซูตรัสถามว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม” (ยน.20:15) แต่เธอจำพระองค์ไม่ได้ จนกระทั่งพระองค์ทรงเรียกชื่อเธอ “มารีย์” (ข้อ 16)

เมื่อได้ยินพระองค์เรียกชื่อ เธอ “หันมาทูลพระองค์เป็นภาษาฮีบรูว่า ‘รับโบนี’ (ซึ่งแปลว่าอาจารย์)” (ข้อ 16) การตอบสนองของเธอแสดงถึงความชื่นชมยินดีที่ผู้เชื่อในพระเยซูรู้สึกในตอนเช้าวันอีสเตอร์ เมื่อระลึกได้ว่าพระคริสต์ผู้คืนพระชนม์ของเราได้ชนะความตายเพื่อคนทั้งปวง และทรงรู้จักเราแต่ละคนว่าเป็นลูกของพระเจ้า ดังที่พระองค์ตรัสกับมารีย์ “เราจะขึ้นไปหาพระบิดาของเรา และพระบิดาของท่านทั้งหลาย ไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านทั้งหลาย” (ข้อ 17)

ในจอร์เจีย พี่น้องที่ได้กลับมาเจอกันและผูกพันกันด้วยชื่อนี้สัญญาว่าจะ “พัฒนาความสัมพันธ์นี้ไปอีกขั้น” ในวันอีสเตอร์ เราสรรเสริญพระเยซูที่ได้เริ่มก้าวที่สำคัญที่สุด ในการฟื้นพระชนม์ขึ้นในความรักที่เสียสละ เพื่อคนที่พระองค์ทรงรู้ว่าเป็นของพระองค์ เพื่อคุณและฉัน พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่!