ห่วงเหล็กหล่อหยาบๆซึ่งแขวนติดกับขอบประตูบ้านไร่เก่าๆของคุณตาผม ยังคงยึดแน่นต้านทานฤดูหนาวอันโหดร้ายของมินนิโซตา ห่างออกไปกว่า 30 เมตร มีห่วงอีกอันยึดติดกับประตูโรงรีดนม เมื่อเกิดพายุหิมะ คุณตาจะผูกเชือกระหว่างห่วงทั้งสองเพื่อจะหาทางจากบ้านไปโรงรีดนมได้ การจับเชือกให้แน่นช่วยให้ท่านไม่หลงทางในหิมะอันหนาทึบ

การใช้เชือกนิรภัยในพายุหิมะของคุณตาทำให้ผมนึกถึงวิธีที่ดาวิดใช้บทกวีฮีบรูเพื่อตามรอยว่า พระปัญญาของพระเจ้านำทางชีวิตเราให้ผ่านพ้นและปกป้องเราจากความบาปและความผิดพลาดได้อย่างไร “กฎหมายของพระเจ้าก็สัตย์จริงและชอบธรรมทั้งสิ้น น่าปรารถนามากกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองนพคุณมากนัก หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่หยดลงจากรวง อนึ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นที่ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์ การที่จะรักษาข้อความเหล่านั้นก็ได้บำเหน็จอันใหญ่ยิ่ง” (สดด.19:9-11)

การยึดมั่นความจริงจากพระวจนะที่องค์พระวิญญาณผู้ซึ่งทำงานในจิตใจของเราได้ทรงบอกไว้ จะปกป้องเราไม่ให้หลงทางและช่วยให้เราเลือกทำสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าและผู้อื่น พระคัมภีร์เตือนเราไม่ให้หลงไปจากพระเจ้าและสำแดงถึงหนทางที่เราจะกลับมาบ้าน ทั้งยังบอกเราถึงความรักอันประเมินค่ามิได้ขององค์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา และพระพรที่รอคอยทุกคนที่เชื่อวางใจในพระองค์ พระคัมภีร์คือเชือกนำทาง! ขอพระเจ้าทรงช่วยให้เรายึดมันไว้เสมอ