ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเมืองกรีน็อค ประเทศสก็อตแลนด์ ครูสามคนที่ลาคลอดพาลูกน้อยของพวกเขาไปที่โรงเรียนทุกๆสองสัปดาห์เพื่อให้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กนักเรียน การได้เล่นกับทารกจะสอนให้เด็กๆมีความเห็นอกเห็นใจ หรือห่วงใยและเข้าใจผู้อื่น ส่วนมากแล้วนักเรียนที่เปิดรับได้ดีคือนักเรียนที่ “ค่อนข้างเกเร” ตามคำบอกเล่าของครูคนหนึ่ง “หลายครั้งนักเรียนจะตอบสนองได้ดีกว่าในระดับตัวต่อตัว” พวกเขาเรียนรู้ว่า “การดูแลเด็กหนึ่งคนนั้นเป็นงานที่หนักแค่ไหน” และ “เรียนรู้ความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น”

การเรียนรู้จากเด็กทารกในเรื่องการเอาใจใส่ดูแลผู้อื่นนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้เชื่อในพระเยซู เรารู้จักพระองค์ผู้เสด็จมาในฐานะพระกุมารเยซู การประสูติของพระองค์เปลี่ยนทุกอย่างที่เราเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ต้องดูแลซึ่งกันและกัน คนกลุ่มแรกที่รู้เรื่องการประสูติของพระคริสต์คือคนเลี้ยงแกะ ซึ่งประกอบอาชีพต่ำต้อยที่คอยดูแลแกะที่อ่อนแอและป้องกันตัวเองไม่ได้ ต่อมาตอนที่เด็กๆถูกพามาหาพระเยซู พระองค์ทรงตำหนิสาวกที่คิดว่าเด็กๆนั้นไม่คู่ควรว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นของคนเช่นเด็กอย่างนั้น” (มก.10:14)

พระเยซู “ทรงอุ้มเด็กเล็กๆเหล่านั้น วางพระหัตถ์บนเขา แล้วทรงอวยพรให้” (ข้อ 16) ในชีวิตของเราซึ่งเป็นลูกของพระเจ้าที่ “เกเร” บ้างเป็นบางครั้ง เราอาจถูกมองว่าไม่คู่ควรเช่นกัน แต่พระคริสต์ผู้เสด็จมาเป็นทารกน้อย ได้ทรงยอมรับเราด้วยความรักของพระองค์ เพื่อเป็นการสอนเราถึงความสำคัญของการดูแลทารกและผู้อื่น