ผลการวิจัยผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักรในปี 2018 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว “พวกเขาดูมือถือทุกสิบสองนาทีขณะที่ตื่นอยู่” แต่พูดตามตรงแล้ว สถิตินี้ค่อนข้างจะเป็นจำนวนที่ต่ำเมื่อพิจารณาจากความถี่ที่ฉันค้นหาคำตอบในกูเกิ้ลหรือตอบกลับการแจ้งเตือนอย่างไม่รู้จบในโทรศัพท์ของฉันตลอดทั้งวัน พวกเราส่วนใหญ่ดูมือถือของเราไม่ว่างเว้น โดยมั่นใจว่ามันจะให้สิ่งที่เราต้องการเพื่อจัดระเบียบ รับทราบข้อมูล และเชื่อมต่อถึงกัน

ในฐานะผู้เชื่อพระเยซู เรามีทรัพยากรที่ดีกว่ามือถือแบบไม่มีขีดจำกัด พระเจ้าทรงรักและห่วงใยเราอย่างลึกซึ้งและปรารถนาให้เรามาหาพระองค์พร้อมความต้องการนั้น พระคัมภีร์กล่าวว่าเมื่อเราอธิษฐาน เรามั่นใจได้ว่า “ถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา” (1 ยน.5:14) โดยการอ่านพระคัมภีร์และสะสมพระวจนะของพระเจ้าในใจ เราจะอธิษฐานได้อย่างมั่นใจในสิ่งที่เรารู้ว่าพระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้เราอยู่แล้ว รวมถึงสันติสุข สติปัญญาและความเชื่อว่าพระองค์จะทรงประทานสิ่งที่เราต้องการ (ข้อ 15)

บางครั้งอาจดูเหมือนพระเจ้าไม่ทรงได้ยินเมื่อสถานการณ์ของเราไม่เปลี่ยน แต่เราสร้างความมั่นใจในพระเจ้าได้โดยหันไปหาพระองค์อย่างสม่ำเสมอเพื่อขอความช่วยเหลือในทุกกรณี (สดด.116:2) นี่จะทำให้เราเติบโตในความเชื่อ โดยไว้วางใจว่าถึงแม้เราอาจไม่ได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา แต่พระองค์สัญญาที่จะประทานสิ่งที่เราต้องการในเวลาอันดีเลิศของพระองค์