หลังจากได้รับคำวินิจฉัยที่ร้ายแรงว่าเป็นมะเร็งสมองชนิดที่พบได้ยากและไม่มีทางรักษา แคโรไลน์ได้พบกับความหวังและเป้าหมายใหม่ผ่านการรับใช้ที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการเป็นอาสาสมัครช่วยถ่ายรูปเด็กที่ป่วยหนักและครอบครัวของพวกเขา การรับใช้นี้ช่วยให้ครอบครัวได้บันทึกช่วงเวลาอันล้ำค่าของพวกเขาและลูกๆทั้งในความเศร้าโศกและ “ช่วงเวลาแห่งพระคุณและความงดงามที่เราไม่คิดว่าจะมีอยู่ในที่แห่งความสิ้นหวังเหล่านั้น” เธอสังเกตว่า “ในช่วงเวลาอันยากลำบากเกินกว่าใครจะจินตนาการได้ พวกเขาเหล่านั้น…เลือกที่จะรัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

การมองเห็นสัจธรรมของความทุกข์ทำให้เกิดพลังบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ทั้งในแง่ความจริงที่ความทุกข์นั้นทำร้ายเรา และการที่เราได้พบกับความงดงามและความหวังในท่ามกลางความทุกข์นั้น

เนื้อหาส่วนใหญ่ในหนังสือโยบเป็นเหมือนภาพถ่ายของความโศกเศร้า ที่ถ่ายทอดเส้นทางชีวิตแห่งการสูญเสียของโยบอย่างตรงไปตรงมา (1:18-19) หลังจากนั่งอยู่กับโยบหลายวัน เพื่อนๆของท่านหมดความอดทนกับความทุกข์ของโยบ พยายามหาทางบรรเทาหรืออธิบายว่ามันคือการพิพากษาของพระเจ้า แต่โยบไม่ตอบรับและยืนยันว่าสิ่งที่ท่านกำลังเผชิญนั้นมีความหมาย และหวังว่าคำพยานจากประสบการณ์ของท่านจะได้รับการ “สลักไว้ในศิลาเป็นนิตย์” (19:24)

ความทุกข์ของท่านถูก “สลักไว้” ในหนังสือโยบ เพื่อชี้ให้เราเห็นถึงพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ในความทุกข์ยากของเรา (ข้อ 26-27) พระองค์ทรงอยู่กับเราในความเจ็บปวด ทรงอุ้มเราผ่านความตายไปสู่ชีวิตที่เป็นขึ้นใหม่