เดือน: ธันวาคม 2021

เสมือนว่าอยู่ด้วยกัน

ในขณะที่โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำให้เพิ่มระยะห่างระหว่างผู้คนเพื่อชะลอการแพร่กระจาย หลายประเทศขอให้พลเมืองของตนกักตัวหรือเก็บตัวอยู่กับบ้าน องค์กรต่างๆให้พนักงานทำงานจากบ้าน ขณะที่บางองค์กรประสบปัญหาการเงินจนส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ฉันก็เข้าร่วมการประชุมของคริสตจักรและกลุ่มย่อยผ่านช่องทางออนไลน์ พวกเราในโลกนี้ฝึกที่จะอยู่ร่วมกันในรูปแบบใหม่ แม้ในทางกายภาพเราจะถูกตัดขาดจากกันก็ตาม

ไม่เฉพาะแค่อินเทอร์เน็ตที่ทำให้เรายังรู้สึกเชื่อมโยงถึงกันได้ แต่เรายังเชื่อมโยงกันในฐานะสมาชิกในพระกายของพระคริสต์ผ่านทางพระวิญญาณ เปาโลพูดถึงเรื่องนี้ในจดหมายที่เขียนถึงชาวโคโลสีเมื่อหลายศตวรรษที่แล้ว แม้ว่าท่านจะไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้งคริสตจักรแห่งนี้ แต่ท่านก็ห่วงใยพวกเขาและความเชื่อของพวกเขาอย่างมาก แม้เปาโลจะไม่สามารถมาอยู่กับพวกเขาด้วยตนเองได้ แต่ท่านย้ำเตือนพวกเขาว่า “ใจของข้าพเจ้ายังอยู่กับท่าน” (คส.2:5)

เราไม่สามารถอยู่กับคนที่เรารักได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางการเงิน สุขภาพ หรือเหตุผลอื่นๆ และเทคโนโลยีสามารถช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้ได้ กระนั้นก็ตาม การเชื่อมโยงเสมือนจริงรูปแบบใดก็ตาม ไม่อาจเทียบได้กับ “การอยู่ร่วมกัน” ในฐานะพระกายของพระคริสต์ (1 คร.12:27) ในช่วงเวลาเช่นนี้ เราสามารถเป็นเหมือนเปาโลที่จะชื่นชมยินดีในความเชื่ออันมั่นคงของกันและกัน และหนุนใจกันและกันผ่านการอธิษฐานเพื่อเราจะ “เข้าในความรู้ความล้ำลึกของพระเจ้า คือพระคริสต์” อย่างเต็มบริบูรณ์ (คส.2:2) KHH

เข็มทิศของพระเจ้า

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วาลเดมาร์ เซเมนอฟ ปฏิบัติหน้าที่เป็นวิศวกรผู้ช่วยอยู่บนเรือเอสเอส อัลคัว ไกด์ ขณะอยู่ห่างจากชายฝั่งของนอร์ท แค-โรไลน่าราว 483 กิโลเมตรนั้น เรือดำน้ำเยอรมันได้ลอยลำขึ้นมาและระดมยิง
มาที่เรือ เรือถูกโจมตีจนไฟลุกไหม้และเริ่มจมลง เซเมนอฟและลูกเรือหย่อนเรือชูชีพลงในน้ำและใช้เข็มทิศของเรือเพื่อไปยังช่องทางเดินเรือ หลังผ่านไปสามวันเครื่องบินลาดตระเวนก็พบเรือชูชีพของพวกเขา และเรือยูเอสเอส บรูม ได้ช่วยชีวิตคนเหล่านั้นเอาไว้ในวันต่อมา ต้องขอบคุณเข็มทิศที่ทำให้เซเมนอฟและลูกเรือทั้ง 26 คนรอดชีวิตมาได้

ผู้เขียนสดุดีเตือนประชากรของพระเจ้าว่า พวกเขามีเข็มทิศชีวิตคือพระคัมภีร์ ท่านเปรียบพระวจนะว่าเป็น “โคม” (สดด.119:105) ที่ส่องสว่างนำทางชีวิตสำหรับผู้ที่แสวงหาพระเจ้า เมื่อผู้เขียนสดุดีลอยคออยู่ในกระแสน้ำแห่ง
ชีวิตที่อลหม่าน ท่านรู้ว่าพระเจ้าสามารถใช้พระวจนะเพื่อจัดเตรียมเส้นรุ้งและเส้นแวงฝ่ายวิญญาณที่จะช่วยท่านให้รอดชีวิต ดังนั้นท่านจึงอธิษฐานขอให้พระเจ้าส่องสว่างเพื่อนำทางชีวิตและนำท่านไปยังท่าเรือแห่งที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์โดยปลอดภัย (43:3)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เมื่อเราหลงทาง พระเจ้าสามารถนำทางเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์และโดยการชี้นำที่เราพบในพระวจนะ ขอพระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจและความคิดของเรา เมื่อเราอ่าน ศึกษา และปฏิบัติตามสติปัญญาของพระคัมภีร์

อย่ากลัวเลย

ไลนัสในการ์ตูนเรื่องพีนัทส์ เป็นที่รู้จักกันดีจากผ้าห่มนิรภัยผืนสีน้ำเงินที่เขาพกติดตัวไปทุกที่ และไม่อายที่ต้องใช้มันเพื่อความอุ่นใจ ลูซี่พี่สาวของเขาไม่ชอบผ้าห่มผืนนี้เอามากๆ และพยายามกำจัดมันอยู่บ่อยๆ เธอเอามันไปฝัง ทำเป็นว่าว และนำไปใช้ในการจัดนิทรรศการวิทยาศาสตร์ ไลนัสเองก็รู้ว่าเขาควรจะพึ่งพาผ้าห่มของเขาให้น้อยลงและปล่อยมันไปบ้างในบางครั้งแต่ก็เอามันกลับมาเสมอ

ในภาพยนตร์เรื่องคริสต์มาสของชาร์ลี บราวน์ เมื่อชาร์ลี บราวน์ผู้ผิดหวังถามว่า “ไม่มีใครรู้เลยหรือว่าคริสต์มาสเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร” ไลนัสซึ่งถือผ้าห่มนิรภัยไว้ในมือ ก้าวออกไปกลางเวที พร้อมกับท่องข้อพระคัมภีร์ลูกา 2:8-14 เมื่อมาถึงประโยคที่บอกว่า “อย่ากลัวเลย” เขาก็วางผ้าห่มลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขายึดไว้เวลาที่เกิดความกลัว

มีสิ่งใดเกี่ยวกับคริสต์มาสที่เตือนเราว่าเราไม่จำเป็นต้องกลัว ทูตสวรรค์ที่ปรากฏต่อผู้เลี้ยงแกะกล่าวว่า “อย่ากลัวเลย...พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย...มาบังเกิด” (ลก.2:10-11)

พระเยซูทรงเป็น “พระเจ้าทรงอยู่กับเรา” (มธ.1:23) พระองค์สถิตกับเราผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นพระผู้ปลอบโยนที่แท้จริง (ยน.14:16) ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องกลัว เราสามารถวาง “ผ้าห่มนิรภัย” ลง และไว้วางใจในพระองค์ได้

ระลึกถึงในคำอธิษฐาน

ที่โบสถ์ขนาดใหญ่ของชาวแอฟริกัน ศิษยาภิบาลทรุดตัวลงคุกเข่าอธิษฐานต่อพระเจ้า “โปรดระลึกถึงเรา!” ขณะที่เขาอธิษฐานอ้อนวอน ฝูงชนก็ตอบสนองโดยร้องว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดระลึกถึงเรา!” ตอนดูเหตุการณ์นี้จากยูทูป ฉันประหลาดใจที่ตัวเองก็ร้องไห้ตามไปด้วย คำอธิษฐานนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อหลายเดือนก่อน แต่ทำให้ฉันย้อนนึกถึงช่วงวัยเด็กเมื่อได้ยินศิษยาภิบาลของครอบครัวเราวิงวอนต่อพระเจ้าในแบบเดียวกัน “ข้าแต่พระเจ้า โปรดระลึกถึงเรา!”

เมื่อได้ยินคำอธิษฐานนั้นตอนเป็นเด็ก ฉันเข้าใจผิดคิดว่าบางครั้งพระเจ้าคงจะลืมเรา แต่พระเจ้าทรงสัพพัญญู (สดด.147:5; 1 ยน.3:20) พระองค์ทอดพระเนตรดูเราอยู่เสมอ (สดด.33:13-15) และทรงรักเราเกินที่จะวัดได้ (อฟ.3:17-19)

ยิ่งไปกว่านั้น คำว่า ซากา ในภาษาฮีบรูแปลว่า “ระลึกถึง” เมื่อพระเจ้าทรงระลึกถึงเรา พระองค์จะกระทำการเพื่อเรา คำนี้ยังหมายถึงการกระทำในนามของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ดังนั้นเมื่อพระเจ้า “ระลึกถึง” โนอาห์กับ “บรรดาสัตว์ป่าและสัตว์ใช้งานที่อยู่กับโนอาห์ในนาวา” พระองค์จึง “ทรงทำให้ลมพัดมาเหนือแผ่นดิน น้ำก็ลดลง” (ปฐก.8:1) เมื่อพระเจ้า “ระลึกถึง” ราเชลที่เป็นหมัน จึงทรง “สดับฟังราเชล ทรงให้นางหายเป็นหมัน นางก็ตั้งครรภ์มีบุตรชาย” (30:22-23)

ช่างเป็นคำวิงวอนด้วยความไว้วางใจที่ยิ่งใหญ่เพื่อทูลขอพระเจ้าให้ระลึกถึงเรา! พระองค์จะตัดสินพระทัยเองว่าจะตอบอย่างไร อย่างไรก็ตามเราสามารถอธิษฐานโดยรู้ว่า คำทูลขอด้วยใจถ่อมของเราเป็นการขอที่ทำให้พระเจ้าทรงเคลื่อนไหว

ยอดเยี่ยม!

โรงเรียนที่ไบรอันลูกชายของผมเป็นโค้ชอเมริกันฟุตบอลนั้น ได้พ่ายแพ้การแข่งขันระดับรัฐในการต่อสู้ที่ดุเดือด ไม่มีใครสามารถโค่นคู่แข่งของพวกเขาลงได้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผมส่งข้อความปลอบใจไปให้ไบรอันและได้รับคำตอบสั้นๆว่า “เด็กๆสู้อย่างเต็มที่แล้ว!”

ไม่มีโค้ชคนใดทำให้ผู้เล่นอับอายหลังการแข่งขันจบลง ไม่มีใครตะโกนใส่พวกเขาเมื่อเล่นผิดหรือตัดสินใจผิดพลาดในระหว่างการแข่งขัน โค้ชมีแต่ชื่นชมนักเตะเยาวชนในส่วนดีที่พวกเขาทำ

ในทำนองเดียวกัน เป็นเรื่องดีที่ได้รู้ว่าผู้เชื่อในพระเยซูจะไม่ได้ยินคำกล่าวโทษที่รุนแรงจากพระองค์ เมื่อพระคริสต์เสด็จมาและเรายืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ พระองค์จะไม่ทำให้เราอับอาย แต่จะทรงรู้ว่าเราทำอะไรไปบ้างขณะที่เราติดตามพระองค์ (2 คร.5:10; อฟ.6:8) ผมคิดว่าพระองค์จะตรัสบางอย่าง เช่น “เจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลังแล้ว ยอดเยี่ยมมาก!” อัครทูตเปาโลเป็นพยานว่า ท่านได้ “ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง” และรอคอยที่จะได้รับการต้อนรับจากพระเจ้า (2 ทธ.4:7-8)

ชีวิตคือการต่อสู้อย่างต่อเนื่องกับศัตรูตัวฉกาจ ผู้ไม่ยอมลดละและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำลายเรา มันจะต่อต้านทุกความพยายามของเราที่จะเป็นเหมือนพระเยซูและรักผู้อื่น จะมีทั้งชัยชนะที่ดีบ้างในบางครั้ง และความพ่ายแพ้ที่น่าเศร้าใจ พระเจ้าทรงทราบ แต่การตำหนิลงโทษจะไม่มีแก่คนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ (รม.8:1) ถ้าเรายืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าโดยอาศัยความดีแห่งพระบุตรของพระองค์ เราแต่ละคนก็จะ “ได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า” (1 คร.4:5)

แตกหักอย่างงดงาม

ในที่สุดรถโดยสารของเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่เราตั้งหน้าตั้งตาคอยคือที่แหล่งขุดค้นทางโบราณคดีในอิสราเอล ที่ซึ่งเราจะได้ลองทำการขุดค้นดูจริงๆ ผู้ควบคุมหลุมขุดค้นอธิบายว่า ทุกสิ่งที่เราอาจขุดเจอนั้นไม่มีใครแตะต้องมานานนับพันปี การขุดพบเศษเครื่องปั้นดินเผาที่แตกหักทำให้เรารู้สึกราวกับได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ หลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เราก็ถูกพาไปยังจุดซึ่งใช้ประกอบชิ้นส่วนของแจกันเก่าแก่ใบใหญ่เข้าด้วยกัน

นี่เป็นภาพที่ชัดเจน ช่างฝีมือที่นำชิ้นส่วนแตกหักของเครื่องปั้นดินเผาอายุหลายร้อยปีมาประกอบเข้าด้วยกันนั้น เป็นภาพที่งดงามของพระเจ้าผู้ทรงรักที่จะซ่อมแซมสิ่งที่แตกหักขึ้นมาใหม่ ในสดุดี 31:12 ดาวิดกล่าวว่า “เขาลืม
ข้าพระองค์เสียประหนึ่งว่าเป็นคนตายแล้ว ข้าพระองค์เหมือนอย่างภาชนะที่แตก” แม้จะไม่ได้บอกถึงช่วงเหตุการณ์ที่เขียนเพลงสดุดีบทนี้ แต่ความยากลำบากในชีวิตของดาวิดมักถูกถ่ายทอดออกมาเป็นเพลงคร่ำครวญเช่นเดียวกับเพลงบทนี้ ซึ่งบรรยายถึงการที่ท่านถูกทำให้แตกสลายด้วยภยันตราย ศัตรู และความสิ้นหวัง

แล้วท่านหันไปขอความช่วยเหลือจากที่ใด ในข้อ 16 ดาวิดร้องทูลพระเจ้าว่า “ขอพระพักตร์พระองค์ทอแสงบนผู้รับใช้ของพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดด้วยความรักมั่นคงของพระองค์”

พระเจ้าผู้ซึ่งดาวิดไว้วางใจ คือองค์เดียวกันกับผู้ที่ยังคงซ่อมแซมสิ่งที่แตกหักในปัจจุบัน ขอเพียงเราเรียกหาพระองค์และวางใจในความรักมั่นคงของพระองค์

คุณเป็นชาวอะไร

ตอนที่ฉันเดินเข้าไปในร้านไอศกรีมพร้อมกับลูกชายวัยห้าขวบที่เป็นลูกครึ่ง ชายที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ก็จ้องมาที่ฉันและลูกแล้วถามว่า “เธอเป็นชาวอะไร” คำถามและน้ำเสียงที่กระด้างของเขากระตุ้นความโกรธและเจ็บปวดที่ฉันคุ้นเคยดีจากการเติบโตมาในฐานะชาวอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกัน ซึ่งต่างไปจากกรอบความคิดในยุคนั้น ฉันดึงเซเวียร์เข้ามาใกล้และหันไปหาสามีซึ่งเป็นคนผิวสีขณะที่เขาเดินเข้ามาในร้าน พนักงานผู้นั้นหรี่ตาดูและทำตามคำสั่งของเราโดยไม่พูดอะไร

ฉันอธิษฐานเผื่อชายคนนี้เงียบๆ ขณะที่ลูกชายฉันบอกรสชาติของไอศกรีมที่เขาอยากลอง ฉันกลับใจจากความขมขื่นและขอพระเจ้าประทานจิตวิญญาณแห่งการอภัยให้กับฉัน ด้วยสีผิวที่สว่างแต่ไม่ขาวของฉัน ฉันจึงตกเป็นเป้าสายตาและต้องเจอคำถามเดียวกันนี้มาตลอดเวลาหลายปี ฉันต้องต่อสู้กับความรู้สึกไม่มั่นคงและความรู้สึกไร้ค่า จนกระทั่งฉันเริ่มเรียนรู้ที่จะยอมรับอัตลักษณ์ของฉันในฐานะบุตรสาวสุดที่รักของพระเจ้า

เปาโลประกาศว่าผู้เชื่อในพระเยซูล้วนเป็น “บุตรของพระเจ้า...โดยความเชื่อ” มีคุณค่าเท่าเทียมกันในความหลากหลายที่งดงาม เราผูกพันอย่างใกล้ชิดและถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจเพื่อทำงานร่วมกัน (กท.3:26-29) เมื่อพระเจ้าส่งพระบุตรมาไถ่เรา เราก็กลายเป็นพี่น้องกันโดยพระโลหิตที่หลั่งบนกางเขนเพื่อยกโทษบาปของเรา (4:4-7) ในฐานะที่เราเป็นผู้ผดุงพระฉายของพระเจ้า คุณค่าของเราไม่ได้ถูกกำหนดโดยความคิดเห็น ความคาดหวัง หรืออคติของผู้อื่น

เราเป็นอะไรน่ะหรือ เราเป็นบุตรของพระเจ้า

ฉันเป็นพระหัตถ์ของพระองค์

เจีย ไฮ่เซียสูญเสียการมองเห็นในปี 2000 ส่วนเพื่อนของเขา เจีย เวินฉี สูญเสียแขนเมื่อตอนเด็ก แต่ทั้งคู่มีทางออกให้กับความพิการนี้ “ผมเป็นมือของเขาและเขาเป็นตาให้ผม” ไฮ่เซียกล่าว พวกเขาเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ในประเทศจีนร่วมกัน

ตั้งแต่ปี 2002 ทั้งคู่มีแผนปรับปรุงที่ดินร้างใกล้บ้าน ทุกวันไฮ่เซียจะขึ้นขี่หลังของเวินฉีเพื่อข้ามแม่น้ำไปยังที่ดินนั้น เวินฉีจะ “ยื่น” เสียมให้ไฮ่เซียด้วยเท้า ก่อนที่ไฮ่เซียจะเสียบถังน้ำเข้ากับไม้ที่อยู่ระหว่างแก้มและไหล่ของเวินฉี
ในขณะที่คนหนึ่งขุดและอีกคนก็รดน้ำ ถึงเวลานี้ทั้งสองคนปลูกต้นไม้ไปมากกว่าหมื่นต้น “เมื่อทำงานร่วมกัน เราไม่รู้สึกถึงความพิการเลย” ไฮ่เซียกล่าว “เราเป็นทีมเดียวกัน”

อัครทูตเปาโลเปรียบคริสตจักรเป็นร่างกาย แต่ละส่วนต้องการกันและกันเพื่อจะทำหน้าที่ ถ้าทั้งคริสตจักรเป็นตา จะไม่มีการได้ยิน ถ้าทั้งหมดเป็นหู ก็จะไม่มีการรับกลิ่น (1 คร.12:14-17) “ตาจะว่าแก่มือว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า!” ก็ไม่ได้” เปาโลกล่าว (ข้อ 21) เราแต่ละคนมีบทบาทในคริสตจักรต่างกันไปตามของประทานฝ่ายวิญญาณที่เรามี (ข้อ 7-11, 18) เช่นเดียวกับเจีย ไฮ่เซียและเจีย เวินฉี เมื่อเราผนึกกำลังกัน เราจะสามารถนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่โลก

ชายสองคนผนึกกำลังกันเพื่อปรับปรุงที่ดินร้าง ช่างเป็นภาพการทำงานของคริสตจักรอย่างแท้จริง!

ฉันควรพูดอะไร

เมื่อฉันหยุดเลือกดูหนังสือจากกล่องที่รวมหนังสือของ “ซี.เอส.ลูอิส” ในร้านหนังสือมือสอง เจ้าของร้านปรากฏตัวขึ้น ขณะที่เราคุยกันถึงหนังสือที่มี ฉันนึกสงสัยว่าเขาอาจสนใจเกี่ยวกับความเชื่อที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนของลูอิส ฉันอธิษฐานขอการทรงนำอย่างเงียบๆ ฉันนึกขึ้นได้ถึงข้อมูลจากประวัติส่วนตัวของซี.เอส.ลูอิส แล้วเราก็เริ่มคุยกันถึงคุณลักษณะของเขาที่ชี้ไปถึงพระเจ้า สุดท้ายฉันขอบคุณพระเจ้าที่คำอธิษฐานสั้นๆนั้นนำบทสนทนาของเราสู่เรื่องจิตวิญญาณ

เนหะมีย์หยุดเพื่ออธิษฐานก่อนช่วงเวลาสำคัญในการสนทนากับกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย กษัตริย์ตรัสถามว่าจะช่วยเนหะมีย์ผู้โศกเศร้าต่อการที่เยรูซาเล็มถูกทำลายได้อย่างไร เนหะมีย์เป็นผู้รับใช้ของกษัตริย์จึงไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะร้องขออะไร แต่ท่านต้องการสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ ท่านต้องการฟื้นฟูกรุงเยรูซาเล็มจึง “อธิษฐานต่อพระเจ้าของฟ้าสวรรค์” ก่อนจะขอลางานเพื่อไปบูรณะเมือง (นหม.2:4-5) กษัตริย์ทรงอนุญาตและยังทรงช่วยเรื่องการเดินทางของเนหะมีย์และจัดหาไม้สำหรับงานนี้ด้วย

พระคัมภีร์หนุนใจให้เราอธิษฐาน “ทุกโอกาสด้วยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกรูปแบบ” (อฟ.6:18 TNCV) ซึ่งรวมถึงเวลาที่เราต้องการความกล้าหาญ การควบคุมตนเองหรือความเห็นอกเห็นใจ การอธิษฐานก่อนพูดช่วยเราที่จะยอมให้พระเจ้าทรงควบคุมทัศนคติและคำพูดของเรา

พระเจ้าทรงนำคุณในการพูดอย่างไรในวันนี้ ลองถามพระองค์ดูสิ!

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา