เมื่อเอ็ดเวิร์ด แจ็คสัน นักล่าทองคำออกเดินทางไปแคลิฟอร์เนียในยุคตื่นทอง ของอเมริกา ในบันทึกประจำวันซึ่งลงวันที่ 20 พฤษภาคม 1849 เขาได้คร่ำครวญถึงความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางโดยรถม้าที่มีทั้งโรคภัยและความตาย “ได้โปรดอย่าทิ้งกระดูกของผมไว้ที่นี่” เขาเขียน “ถ้าเป็นไปได้ขอนำมันไปไว้ที่บ้าน” นักล่าทองคำอีกคนชื่อว่า จอห์น วอล์คเกอร์บันทึกว่า “นี่คือการเสี่ยงโชคที่บรรลุผลที่สุดเท่าที่คุณจะจินตนาการได้…ผมไม่อาจแนะนำใครให้มาที่นี่ได้”

ที่จริงแล้ววอล์คเกอร์กลับไปที่บ้านและประสบความสำเร็จในการทำเกษตร ปศุสัตว์ และการเมืองท้องถิ่น เมื่อสมาชิกในครอบครัวนำจดหมายเก่าเก็บของวอล์คเกอร์ไปออกรายการ เปิดกรุของเก่า ทางโทรทัศน์ของอเมริกา มันกลับมีมูลค่าหลายพันดอลลาร์ พิธีกรกล่าวว่า “เขาได้พบสิ่งล้ำค่าจากยุคตื่นทองจริงๆ นั่นคือจดหมายเหล่านี้”

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งวอล์คเกอร์และแจ็คสันกลับมาบ้านพร้อมด้วยปัญญาที่ทำให้พวกเขาดำเนินชีวิตในโลกของความเป็นจริงมากขึ้น ลองพิจารณาถ้อยคำแห่งสติปัญญาเหล่านี้ของกษัตริย์ซาโลมอน “มนุษย์ผู้ประสบปัญญา…เป็นสุขจริงหนอ ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่ยึดเธอไว้” (สภษ.3:13,18) ทางเลือกที่เปี่ยมด้วยปัญญา “ย่อมดีกว่าผลที่ได้จากเงิน และกำไรนั้นดีกว่าทองคำ” (ข้อ 14) จงทำให้ปัญญาเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าความปรารถนาใดๆในโลกนี้ (ข้อ 15)

“ชีวิตยืนยาวอยู่ที่มือขวาของปัญญา…และวิถีทั้งสิ้นของปัญญาคือสันติภาพ” (ข้อ 16-17) ดังนั้น ความท้าทายของเราคือการยึดปัญญาไว้ให้แน่น ไม่ใช่การยึดความปรารถนาที่ดูเรืองรอง เพราะนี่คือวิถีที่พระเจ้าจะทรงอวยพระพร