“ดีใจมากที่ได้เจอคุณ!” “คุณด้วยนะ!” “ดีใจมากที่คุณมา!” การกล่าวทักทายดูอบอุ่นและเป็นมิตร สมาชิกของคริสตจักรในแคลิฟอร์เนียตอนใต้มารวมตัวกันผ่านระบบออนไลน์ก่อนการประชุมในช่วงค่ำ ขณะที่นักเทศน์โทรศัพท์เข้ามาจากรัฐโคโลราโด ฉันดูอย่างเงียบๆขณะคนอื่นๆรวมตัวกันผ่านวีดีโอคอล ฉันเป็นคนเก็บตัวและไม่รู้จักใคร ฉันจึงรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก แต่ทันทีที่หน้าจอเริ่มฉายภาพศิษยาภิบาลของฉัน อีกจอหนึ่งก็เริ่มฉายภาพเพื่อนเก่าในคริสตจักรที่เข้าร่วมประชุมออนไลน์ด้วย เมื่อเห็นพวกเขา ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป ดูเหมือนว่าพระเจ้าทรงส่งกองหนุนมาให้

เอลียาห์ก็ไม่โดดเดี่ยวเช่นกัน แม้จะรู้สึกเหมือน “ข้าพระองค์แต่ผู้เดียวเหลืออยู่” หลังต้องหลบหนีความโกรธแค้นของเยเซเบลและอาหับ (1 พกษ.19:10) หลังจากเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดารตลอดสี่สิบวันสี่สิบคืน เอลียาห์ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำบนภูเขาโฮเรบ แต่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้กลับสู่การรับใช้ ตรัสว่า “จงกลับไปตามทางของเจ้าถึงถิ่นทุรกันดารดามัสกัส และเมื่อเจ้าไปถึงแล้ว เจ้าจงเจิมฮาซาเอลไว้ให้เป็นกษัตริย์เหนือประเทศซีเรีย และเยฮูบุตรนิมซีนั้น เจ้าจงเจิมให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และเอลีชาบุตรชาฟัดชาวอาเบลเมโฮลาห์ เจ้าจงเจิมตั้งไว้ให้เป็นผู้เผยพระวจนะแทนเจ้า” (ข้อ 15-16)

แล้วพระเจ้าทรงให้หลักประกันกับท่านว่า “แต่เราจะเหลือเจ็ดพันคนไว้ในอิสราเอล คือทุกเข่าซึ่งมิได้น้อมลงต่อพระบาอัล และทุกปากซึ่งมิได้จูบรูปนั้น” (ข้อ 18) เช่นเดียวกับที่เอลียาห์ได้เรียนรู้ว่า ขณะรับใช้พระเจ้านั้นเราไม่ได้รับใช้ตามลำพัง พระเจ้าทรงนำความช่วยเหลือมาให้ เพื่อพวกเราจะรับใช้พระองค์ร่วมกัน