ในขณะที่คนขับแท็กซี่พาเราไปสนามบินฮีทโธรว์ของลอนดอน เขาเล่าเรื่องของตัวเองว่าเขาย้ายมาสหราชอาณาจักรตอนอายุสิบห้าเพื่อหนีจากสงครามและความยากไร้ สิบเอ็ดปีผ่านไปตอนนี้เขามีครอบครัวแล้วและสามารถเลี้ยงดูพวกเขาได้อย่างที่ไม่อาจทำได้ในประเทศบ้านเกิด แต่เขาเสียใจที่ยังคงแยกจากพ่อแม่และพี่น้อง เขาบอกเราว่าเขามีเส้นทางชีวิตที่ยากลำบากซึ่งจะไม่สิ้นสุดลงจนกว่าเขาจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอีกครั้ง

การต้องแยกจากคนที่รักเมื่อยังมีชีวิตเป็นเรื่องที่ยาก แต่การสูญเสียคนที่รักไปเพราะความตายเป็นสิ่งที่ยากกว่ามาก และทำให้เกิดความรู้สึกสูญเสียที่ไม่มีวันแก้ไขได้จนกว่าเราจะได้อยู่กับพวกเขาอีกครั้ง เมื่อผู้เชื่อใหม่ในเมืองเธสะโลนิกาสงสัยเรื่องความสูญเสียนี้ เปาโลจึงเขียนถึงพวกเขาว่า “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านไม่ทราบความจริงเรื่องคนที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้าอย่างคนอื่นๆที่ไม่มีความหวัง” (1 ธส.4:13) ท่านอธิบายว่าในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เรามีชีวิตอยู่โดยความคาดหวังถึงการพบกันอันแสนวิเศษอีกครั้ง และอยู่ร่วมกันต่อพระพักตร์พระคริสต์ตลอดไปเป็นนิตย์ (ข้อ 17)

มีเพียงไม่กี่ประสบการณ์ที่สร้างความเจ็บปวดได้เท่ากับการจากลาที่เราเผชิญ แต่เรามีความหวังในพระเยซูที่จะพบกันอีก และในท่ามกลางความเจ็บปวดและสูญเสีย เราจะพบการปลอบโยนที่เราต้องการจากพระสัญญาอันเป็นนิรันดร์ (ข้อ 18)