Month: กุมภาพันธ์ 2021

ใหม่ทุกเช้า

พอลพี่ชายของฉันเติบโตมาโดยต้องต่อสู้กับโรคลมชักที่รุนแรง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นอาการของโรคหนักขึ้น กลางคืนกลายเป็นเวลาที่ระทมทุกข์สำหรับพอลและพ่อแม่ของฉัน เพราะเขามักเกิดอาการชักอย่างต่อเนื่องนานกว่าหกชั่วโมงอยู่บ่อยๆ หมอไม่สามารถหาวิธีรักษาที่จะบรรเทาอาการลง และในเวลาเดียวกันช่วยให้เขารู้สึกตัวอย่างน้อยบางเวลาในระหว่างวันได้ พ่อแม่ของฉันร้องทูลพระเจ้าว่า “พระเจ้า โอ้ พระเจ้า โปรดช่วยเรา!”

แม้อารมณ์ของพวกเขาจะถูกกระหน่ำและร่างกายจะอ่อนล้า พอลและพ่อแม่ได้รับกำลังอย่างเพียงพอจากพระเจ้าในทุกๆวันใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นพ่อกับแม่ยังได้รับการปลอบประโลมจากพระคัมภีร์ รวมถึงพระธรรมบทเพลงคร่ำครวญ เยเรมีย์ร้องคร่ำครวญถึงกรุงเยรูซาเล็มที่ถูกชาวบาบิโลนทำลาย และระลึกได้ถึง “บอระเพ็ดและดีหมี” (3:19) แต่เยเรมีย์ยังไม่สิ้นหวัง ท่านจำได้ถึงพระเมตตาที่ไม่สิ้นสุดของพระเจ้าซึ่งเป็น “ของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า” (ข้อ 23) พ่อแม่ของฉันก็เช่นกัน

ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาใด จงรู้ว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อในทุกๆเช้า พระองค์จะทรงเสริมแรงเราใหม่ทุกวันและประทานความหวังแก่เรา และในบางครั้ง พระองค์ทรงนำการปลดปล่อยมาให้เช่นเดียวกับครอบครัวเรา หลังจากหลายปีผ่านไป มียาตัวใหม่ที่ดีขึ้นซึ่งช่วยหยุดอาการลมชักในเวลากลางคืนของพอลได้ และช่วยให้ครอบครัวเรานอนหลับและมีความหวังสำหรับอนาคต

เมื่อความหดหู่ครอบงำวิญญาณของเรา (ข้อ 20) ขอให้ระลึกถึงพระสัญญาของพระเจ้าว่า พระเมตตาของพระองค์เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า

ไม่ใช่ตัวคุณอีกต่อไป

ในฤดูร้อนปี 1859 ชาร์ล บลองดิน คือคนแรกที่สามารถเดินไต่เชือกข้ามน้ำตกไนแองกาล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้พยายามทำมาเป็นร้อยๆครั้ง ครั้งหนึ่งเขาทำพร้อมกับแบกผู้จัดการของเขา แฮรี่ คอลคอร์ดไว้บนหลัง บลองดินสั่งคอลคอร์ดว่า “มองขึ้นแฮรี่...คุณไม่ใช่คอลคอร์ดอีกต่อไป คุณคือบลองดิน...ถ้าผมเอนตัว คุณเอนไปกับผม อย่าพยายามที่จะรักษาสมดุลด้วยตัวคุณเอง เพราะถ้าคุณทำ เราทั้งคู่จะตกลงไปตาย”

ใจความสำคัญที่เปาโลพูดกับผู้เชื่อชาวกาลาเทียคือ คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตที่พระเจ้าทรงพอพระทัยได้โดยปราศจากความเชื่อในพระคริสต์ แต่ข่าวดีคือ คุณไม่ต้องทำเอง! ความพยายามของตัวเราเองไม่สามารถพาเราไปถึงพระเจ้าได้ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องทำอะไรในความรอดที่ได้รับใช่ไหม ไม่ใช่เลย! คำเชื้อเชิญของเราคือให้ยึดมั่นในพระคริสต์ การยึดมั่นในพระคริสต์หมายถึงให้ตรึงวิถีชีวิตเก่าที่พึ่งตนเองของเราเหมือนกับว่าเราได้ตายไปแล้ว แต่เรายังดำเนินชีวิตต่อไป โดย “ชีวิตซึ่ง(เรา)ดำเนินอยู่ในร่างกายนี้ (เรา)ดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรัก(เรา) และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อ(เรา)” (กท.2:20)

เรากำลังพยายามเดินไต่เชือกไปที่ใดในวันนี้ พระเจ้าไม่ได้ทรงเรียกเราให้เดินไต่เชือกไปหาพระองค์ แต่ทรงเรียกเราให้ยึดมั่นในพระองค์และดำเนินชีวิตร่วมกับพระองค์

เผชิญหน้ากับความกลัว

วอร์เรนย้ายไปเป็นศิษยาภิบาลของโบสถ์ในเมืองเล็กๆ หลังพันธกิจเริ่มประสบความสำเร็จ ชาวบ้านคนหนึ่งสร้างปัญหาให้เขา โดยกุเรื่องหาว่าวอร์เรนมีพฤติกรรมน่าหวาดกลัว เขาส่งเรื่องไปยังหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และพิมพ์ใบปลิวคำกล่าวหานั้นส่งให้ทุกคนในหมู่บ้านทางไปรษณีย์ วอร์เรนและภรรยาเริ่มอธิษฐานอย่างหนัก หากผู้คนเชื่อคำโกหกชีวิตของพวกเขาจะต้องพังพินาศ

กษัตริย์ดาวิดเคยมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน พระองค์ถูกโจมตีด้วยคำใส่ร้ายของศัตรู “เขาประทุษร้ายต่อกิจการของข้าพระองค์วันยังค่ำ” พระองค์ตรัส “ความคิดทั้งสิ้นของเขาล้วนมุ่งร้ายต่อข้าพระองค์” (สดด.56:5) การกล่าวหาอย่างต่อเนื่องทำให้ทรงหวาดกลัวและทุกข์ใจ (ข้อ 8) แต่ในท่ามกลางการต่อสู้ พระองค์กล่าวคำอธิษฐานที่ทรงพลังว่า “เมื่อข้าพระองค์กลัว ข้าพระองค์วางใจในพระองค์...เนื้อหนังจะทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้” (ข้อ 3-4)

คำอธิษฐานของกษัตริย์ดาวิดเป็นแบบอย่างให้กับเราในวันนี้ เมื่อข้าพระองค์กลัว ในเวลาที่เรากลัวหรือถูกใส่ร้าย ให้เราหันไปหาพระเจ้า ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ คือการมอบสงครามของเราไว้ในพระหัตถ์อันทรงพลานุภาพของพระเจ้า เนื้อหนังจะทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้ คือให้เผชิญหน้ากับสถานการณ์พร้อมกับพระองค์ เราจะระลึกได้ว่าศัตรูของเรามีข้อจำกัดเพียงใด

หนังสือพิมพ์ไม่ให้ความสนใจในเรื่องของวอร์เรน ด้วยสาเหตุบางอย่างใบปลิวไม่เคยถูกแจกจ่ายออกไป วันนี้คุณหวาดกลัวในสงครามใด จงบอกกับพระเจ้า พระองค์ทรงยินดีที่จะต่อสู้ร่วมกับคุณ

อธิษฐานได้ทุกเรื่อง

เจ้าลูกแมวสกปรกนั่งสงบอยู่บนพื้นปูนและจ้องมาที่ฉันอย่างมีศักดิ์ศรี มันอยู่กับพวกพี่น้องที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของอาคารที่ลูกค้าของฉันทำงานอยู่ ด้วยความสงสาร ฉันฝากอาหารแมวไว้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อเลี้ยงพวกมันทุกวัน และเอามาเพิ่มให้เมื่ออาหารหมด

แต่แล้ววันนั้นก็มาถึงเมื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นถูกย้ายไปดูแลจุดอื่น “โอ พระเจ้า” ฉันอธิษฐาน “ลูกแมวที่ช่วยตัวเองไม่ได้นี้เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ขอประทานใครสักคนที่ข้าพระองค์จะวางใจมาให้อาหารพวกมัน” แต่ฉันสงสัยว่าคำขอของฉันจะสำคัญพอสำหรับพระเจ้าหรือไม่ แน่นอนว่าพระองค์ทรงมีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องใส่ใจ

อัครทูตเปาโลเตือนพวกเราในฟีลิปปี 4:6 ว่า “อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ” พวกเรามีพระเจ้าที่เปี่ยมด้วยความรักและทรงปรารถนาให้เราบอกพระองค์ถึงทุกเรื่องที่เรากังวล ไม่ว่าจะดูเล็กน้อยเพียงใด

เย็นวันนั้นภารโรงสูงอายุที่ทำงานในอาคารนั้นหลายปีแล้วเดินมาหาฉัน ก่อนที่ฉันจะพูดถึงความกังวลที่มี ชายใจดีคนนั้นพูดว่า “ในเมื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นไม่อยู่แล้ว ผมจะช่วยเลี้ยงแมวพวกนั้นให้เอง”

แท้จริงแล้วไม่มีอะไรยากเกินไปหรือไม่สำคัญพอที่เราจะบอกกับพระเจ้า ความกังวลของเราไม่ว่าจะส่วนตัวและสำคัญต่อเราเพียงใด ล้วนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพระองค์ ให้เราวางใจที่จะมอบไว้ให้พระองค์ทรงดูแล

ไม่เคยโดดเดี่ยว

นี่คือความทุกข์ที่ทรมานกว่าการเป็นคนไร้บ้าน ความหิวโหยหรือเจ็บป่วย” แม็กกี้ เฟอร์กัสสัน เขียนไว้ในนิตยสารดิอิโคโนมิส 1843 ในหัวเรื่องความโดดเดี่ยวว่า “เฟอร์กัสสันบันทึกอัตราที่เพิ่มขึ้นของความโดดเดี่ยว” โดยไม่คำนึงถึงสถานภาพทางสังคมหรือเศรษฐกิจ ด้วยการใช้ตัวอย่างที่บีบคั้นหัวใจเพื่อแสดงให้รู้ว่าผู้ที่โดดเดี่ยวรู้สึกอย่างไร

ความเจ็บปวดจากการรู้สึกโดดเดี่ยวไม่ใช่สิ่งใหม่ แท้จริงแล้วความเจ็บปวดจากความโดดเดี่ยวสะท้อนถึงสิ่งที่บันทึกในหนังสือโบราณที่ชื่อปัญญาจารย์ เนื้อหาส่วนใหญ่ของหนังสือนี้เขียนโดยกษัตริย์ซาโลมอน ใจความโดยรวมพูดถึงความเศร้าโศกของผู้ที่บกพร่องในการมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้อื่น (4:7-8) ผู้เขียนคร่ำครวญว่าเป็นไปได้ที่จะมีความมั่งคั่งในทรัพย์สมบัติ แต่ยังรู้สึกไร้ค่าเพราะไม่มีใครให้ร่วมแบ่งปัน

แต่ผู้เขียนยังรับรู้ได้ถึงความงดงามของมิตรภาพ โดยเขียนว่าเพื่อนช่วยคุณให้บรรลุผลสำเร็จได้มากกว่าที่คุณจะทำได้โดยลำพังตัวเอง (ข้อ 9) มิตรภาพช่วยเราในเวลาที่จำเป็น (ข้อ 10) สองคนทำให้อุ่นใจ (ข้อ 11) และเพื่อนสามารถให้การคุ้มครองในสถานการณ์ที่ยากลำบาก (ข้อ 12)

ความโดดเดี่ยวเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก พระเจ้าทรงสร้างเราเพื่อที่จะให้และรับประโยชน์จากมิตรภาพและการอยู่ร่วมกัน หากคุณรู้สึกโดดเดี่ยว จงอธิษฐานที่พระเจ้าจะช่วยคุณผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ที่มีความหมายกับผู้อื่น ในขณะเดียวกัน ขอให้คุณมีกำลังใจจากความจริงที่ว่าผู้เชื่อจะไม่มีวันโดดเดี่ยว เพราะพระวิญญาณของพระเยซูทรงอยู่กับเราเสมอ (มธ.28:20)

เปิดไฟ

ขณะที่ฉันและสามีเตรียมตัวที่จะย้ายข้ามประเทศ ฉันอยากให้แน่ใจว่าเรายังติดต่อกับลูกชายของเราได้ ฉันพบของขวัญชิ้นพิเศษเป็นตะเกียงมิตรภาพที่เชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตไร้สายและสามารถเปิดได้จากระยะไกล ตอนที่มอบตะเกียงให้ ฉันอธิบายว่าตะเกียงของพวกเขาจะเปิดเมื่อฉันสัมผัสตะเกียงของฉัน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงความรักและคำอธิษฐานที่ไม่หยุดหย่อนของฉัน ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันเพียงใด การแตะบนตะเกียงของพวกเขาก็จะเปิดไฟในบ้านของเราเช่นกัน แม้จะรู้ว่าไม่มีสิ่งใดมาแทนที่ช่วงเวลาแห่งความสัมพันธ์ที่แนบแน่นนี้ แต่เราก็ยังได้รับการหนุนใจเมื่อรู้ว่ามีผู้ที่รักและอธิษฐานเผื่อทุกครั้งที่เราเปิดไฟ

บุตรของพระเจ้าทุกคนได้รับสิทธิพิเศษในการเป็นผู้แบ่งปันแสงสว่างโดยกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเราถูกออกแบบให้มีชีวิตเป็นแสงสว่างแห่งความหวังที่ยั่งยืนและความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า เมื่อแบ่งปันพระกิตติคุณและรับใช้ผู้อื่นในพระนามพระเยซู เรากลายเป็นดวงไฟที่ส่องสว่างและคำพยานที่มีชีวิต การทำดี รอยยิ้มที่เมตตา คำหนุนใจที่อ่อนสุภาพ และคำอธิษฐานอย่างจริงใจทำให้เกิดแสงที่ย้ำเตือนถึงความสัตย์ซื่อ และรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้าซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต (มธ.5:14-16)

ไม่ว่าพระเจ้านำไปที่ใด และไม่ว่าเราจะรับใช้อย่างไร พระองค์ทรงใช้เราเพื่อช่วยผู้อื่นให้ฉายแสงของพระองค์ได้ พระเจ้าทรงประทานแสงสว่างแท้แก่เราผ่านพระวิญญาณ เราจึงสำแดงถึงความสว่างและความรักในการทรงสถิตได้

เหมือนพระเยซู

ตอนเป็นเด็ก บรูซ แวร์นักศาสนศาสตร์ รู้สึกคับข้องใจที่ 1 เปโตร 2:21-23 เรียกเราให้เป็นเหมือนพระเยซู แวร์เขียนถึงความคับข้องใจนั้นไว้ในหนังสือ ชายที่ชื่อเยซู ว่า “ผมมั่นใจว่านี่ไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อพระคัมภีร์บอกให้เราทำตาม “ผู้ที่ไม่เคยทำบาป” ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาด...ผมแค่ไม่เข้าใจว่าพระเจ้าอยากให้เราทำเช่นนั้นจริงๆได้อย่างไร”

ผมเข้าใจถึงเหตุผลที่แวร์รู้สึกหมดกำลังใจจากความท้าทายในพระคัมภีร์ตอนนี้ บทเพลงเก่าเพลงหนึ่งร้องว่า “เป็นเหมือนพระเยซู เป็นเหมือนพระเยซู ข้าฯปรารถนาเป็นเหมือนพระองค์” แต่ที่แวร์ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างถูกต้องคือ เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ โดยตัวเราเองเราไม่มีทางเป็นเหมือนพระเยซู

อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ถูกทอดทิ้ง พระเจ้าทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่บุตรของพระองค์ เพื่อให้พระคริสต์ก่อร่างขึ้นในตัวเรา (กท.4:19) ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจที่เราจะอ่านพบในบทที่เปาโลเขียนถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า “เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉายแห่งพระบุตรของพระองค์” (รม.8:29) พระเจ้าจะทรงทำให้งานของพระองค์เสร็จสมบูรณ์ในเราทุกคน และทรงกระทำการผ่านพระวิญญาณของพระเยซูที่อยู่ในตัวเรา

เมื่อเรายอมต่องานของพระวิญญาณในตัวเรา เราจะเป็นเหมือนพระเยซูอย่างแท้จริง ช่างน่าอุ่นใจที่รู้ว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตเรา

คำสัญญาที่เกินจะจินตนาการ

ในเวลาที่เราล้มเหลวที่สุด เป็นการง่ายที่จะเชื่อว่าทุกอย่างสายเกินไปสำหรับเรา และเราได้สูญเสียโอกาสในการมีชีวิตที่มีเป้าหมายและมีคุณค่า นั่นคือสิ่งที่เอลเลียสอดีตผู้ต้องขังในเรือนจำที่มีการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในนิวยอร์กอธิบายถึงความรู้สึกในฐานะนักโทษ “ผมได้ทำผิด...สัญญามากมาย คำสัญญาเกี่ยวกับอนาคตของตัวผมเอง คำสัญญาถึงสิ่งที่ผมสามารถเป็นได้”

นี่คือโครงการ “ก้าวสู่เรือนจำ” เป็นโครงการระดับปริญญาตรีของวิทยาลัยบาร์ดซึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตของเอลเลียส ขณะร่วมโครงการเขาเข้าร่วมกลุ่มโต้วาทีซึ่งเอาชนะกลุ่มจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดในปี 2015 สำหรับเอลเลียส “การได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม...เป็นสิ่งพิสูจน์ว่าคำสัญญาต่างๆไม่ได้หายไปจนหมดสิ้น”

การเปลี่ยนแปลงที่คล้ายกันเกิดขึ้นในใจเราเมื่อเราเริ่มเข้าใจว่า ข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้าในพระเยซูนั้นเป็นข่าวดีสำหรับเราเช่นกัน เราเริ่มตระหนักด้วยความอัศจรรย์ใจว่ายังไม่สายเกินไป พระเจ้ายังคงมีอนาคตสำหรับฉัน

นี่เป็นอนาคตที่เราไม่สามารถสร้างหรือทำให้สูญเสียไปได้ แต่ขึ้นอยู่กับพระคุณและฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า (2 ปต.1:2-3) เป็นอนาคตที่ปลดปล่อยเราจากความสิ้นหวังในโลกและเติมหัวใจเราให้เต็มด้วย “พระสิริ และความล้ำเลิศของพระองค์” (ข้อ 3) เป็นอนาคตที่มั่นคงในพระสัญญาที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ของพระคริสต์ (ข้อ 4) และอนาคตที่เปลี่ยนแปลงสู่ “เสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า” (รม. 8:21)

เข้มแข็งขึ้นในพระคุณ

ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา โทษของการละทิ้งหน้าที่คือการประหารชีวิต แต่กองทัพพันธมิตรประหารชีวิตผู้ละทิ้งหน้าที่น้อยมาก เพราะอับราฮัม ลินคอล์นผู้บัญชาการสูงสุดของพวกเขาอภัยโทษให้เกือบทุกคน การกระทำนี้ ทำให้เอ็ดวิน สแตนตั้นรัฐมนตรีกระทรวงสงครามรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เพราะเขาเชื่อว่าการผ่อนปรนของลินคอล์นจะเป็นการชักนำให้ทหารอยากละทิ้งหน้าที่ แต่ลินคอล์นเห็นใจผู้ที่หวาดกลัวจนเสียสติจากความรุนแรงของสงคราม และความเห็นอกเห็นใจนี้ทำให้เขาเป็นที่รักของเหล่าทหาร พวกเขารัก “คุณพ่ออับราฮัม” ของพวกเขา และความรักนั้นนำพวกเขาให้อยากรับใช้ลินคอล์นมากกว่าเดิม

เมื่อเปาโลเรียกทิโมธีให้มาร่วม “ทนการยากลำบากด้วยกันกับทหารที่ดีของพระคริสต์” (2 ทธ.2:3) เปาโลเรียกเขามารับงานที่ยากลำบาก ทหารนั้นจะต้องทุ่มเททำงานหนักและไม่เห็นแก่ตัว เขาจะรับใช้พระเยซูผู้บัญชาการของเขาอย่างสุดจิตสุดใจ แต่ในความเป็นจริงบางครั้งเราล้มเหลวที่จะเป็นทหารที่ดีของพระองค์ เราไม่ได้รับใช้พระองค์อย่างสัตย์ซื่ออยู่เสมอ ดังนั้นวลีเริ่มต้นของเปาโลจึงสำคัญมาก “จงเข้มแข็งขึ้นในพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์” (ข้อ 1) พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเต็มเปี่ยมด้วยพระคุณ พระองค์ทรงเข้าใจในความอ่อนแอและทรงให้อภัยความล้มเหลวของเรา (ฮบ.4:15) เช่นเดียวกับเหล่าทหารพันธมิตรที่ได้รับกำลังใจจากความเห็นอกเห็นใจของลินคอล์น เหล่าผู้เชื่อก็ได้รับการเสริมกำลังโดยพระคุณของพระเยซู เราต้องการรับใช้พระองค์มากขึ้น เพราะเรารู้ว่าพระองค์ทรงรักเรา

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา