ในการเสวนาเรื่องต้นกำเนิดของชาวอินโดนีเซียที่จาการ์ตา นักการเมืองคนหนึ่งบอกว่า เขาประหลาดใจกับผลตรวจรหัสพันธุกรรมของตน เพราะเขามีสายเลือดส่วนหนึ่งของชาวสะมาเรีย เขาภูมิใจกับการสืบทอดนี้ เขาบอกว่าเรื่องของชาวสะมาเรียใจดีในพระคัมภีร์เป็นตัวอย่างของการมีใจเอื้อเฟื้อโดยไม่มีเงื่อนไขแก่เขา

แต่ผู้ที่ได้ฟังเรื่องชาวสะมาเรียใจดีเป็นกลุ่มแรกไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ชาวยิวดูถูกชาวสะมาเรียว่าเป็นพวกลูกครึ่งที่นับถือรูปเคารพ แต่เมื่อพระเยซูทรงกล่าวอุปมาเพื่ออธิบายว่าใครคือเพื่อนบ้าน พระองค์ทรงยกชาวสะมาเรียเป็นตัวเอก (ลก.10:30-37) เมื่อชาวยิวถูกทำร้ายบนถนน เพื่อนชนชาติเดียวกับเขาสองคนกลับเดินเลยไป แต่ชาวสะมาเรีย “ครั้นเห็น [เขา] แล้วก็มีใจเมตตา” (ข้อ 33) เขาช่วยจนมั่นใจว่าชายที่บาดเจ็บจะได้รับการดูแลอย่างดี ก่อนจะจากไปเพื่อสะสางธุระของตน พระเยซูตรัสว่า เพื่อนบ้านคือผู้ที่เห็นความต้องการของคนอื่นแล้วยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

ในสังคมอันวุ่นวายของเราที่ผู้คนมากมายกำลังเร่งรีบ ความเมตตาต่อเพื่อนบ้านอาจสูญหายไปอย่างง่ายดาย เราอาจไม่มีพันธุกรรมของชาวสะมาเรีย แต่ในฐานะผู้เชื่อที่รักพระเจ้า ขอให้เราเต็มใจจะเปลี่ยนตารางเวลาของเรา มองดูผู้คนรอบข้าง และหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่ต้องการ