บทเพลงจากชีวิตของนักร้องคริส สเตเปิลตัน ชื่อ “พ่อไม่อธิษฐานอีกแล้ว” ได้รับแรงบันดาลใจจากคำอธิษฐานของพ่อที่อธิษฐานเผื่อเขา เนื้อเพลงพูดถึงสาเหตุที่คำอธิษฐานของพ่อต้องสิ้นสุดลง ไม่ใช่เพราะท้อแท้หรืออ่อนระอา แต่เพราะท่านเสียชีวิต สเตเปิลตันจินตนาการว่า ณ เวลานี้แทนที่พ่อของเขาจะพูดกับพระเยซูผ่านคำอธิษฐาน แต่ท่านคงกำลังเดินคุยกับพระองค์หน้าต่อหน้า

ความทรงจำของสเตเปิลตันเรื่องคำอธิษฐานของพ่อทำให้คิดถึงพ่อคนหนึ่งในพระคัมภีร์ที่อธิษฐานเผื่อลูกของตน เมื่อกษัตริย์ดาวิดเริ่มชราแล้ว พระองค์ได้ทรงตระเตรียมเพื่อโอรสคือซาโลมอนจะมาเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของอิสราเอล

หลังจากเรียกประชาชนมาชุมนุมกันเพื่อเจิมตั้งซาโลมอน ดาวิดนำประชาชนให้อธิษฐานเช่นที่ได้เคยทำมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง ขณะที่ดาวิดบรรยายถึงความสัตย์ซื่อที่พระเจ้ามีต่ออิสราเอล พระองค์ทูลขอให้ประชาชนยังคงจงรักภักดีต่อพระเจ้า จากนั้นทรงทูลขอในเรื่องส่วนตัวเจาะจงถึงโอรสของพระองค์ ขอให้พระเจ้า “ทรง​โปรด​ซาโลมอน​บุตร​ของ​ข้า​พระ​องค์​ให้​มี​จิตใจ​จริงที่​จะ​รักษา​บรรดา​พระ​บัญญัติ​ของ​พระ​องค์ ​พระ​โอวาท​ของ​พระ​องค์ และ​กฎเกณฑ์​ของ​พระ​องค์” (1 พศด.29:19)

พวกเราก็มีสิทธิพิเศษที่จะทูลขอเพื่อคนที่พระเจ้าวางไว้ในชีวิตของเราเช่นกัน แบบอย่างความสัตย์ซื่อของเราสามารถสร้างผลกระทบที่จะคงอยู่แม้หลังเราจากไป เช่นเดียวกับที่พระเจ้ายังทรงตอบคำอธิษฐานเพื่อซาโลมอนและอิสราเอลแม้หลังจากที่ดาวิดเสียชีวิตแล้ว ผลแห่งคำอธิษฐานของเราก็จะคงอยู่ยาวนานกว่าชีวิตของเราเช่นกัน