ผมได้หม้อดินเก่ามาหลายใบในช่วงหลายปีมานี้ ใบโปรดของผมถูกขุดพบจากแหล่งที่ระบุว่าอยู่ในยุคของอับราฮัม อย่างน้อยก็เป็นของชิ้นหนึ่งในบ้านที่อายุมากกว่าผม หม้อนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก ทั้งเปื้อน ร้าว บิ่น และสมควรนำไปขัดล้าง ผมเก็บมันไว้เพื่อเตือนใจว่าผมเป็นเพียงคนที่ถูกสร้างมาจากดิน ถึงแม้จะเปราะบางและอ่อนแอ แต่ผมก็บรรจุสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่าได้ คือองค์พระเยซู “เรามีของมีค่านี้ (พระเยซู) อยู่ในภาชนะดิน” (2 คร.4:7)

เปาโลกล่าวต่อไปว่า “เราถูกขนาบรอบข้างแต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว เราจนปัญญาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีลงแล้วแต่ก็ไม่ถึงตาย” ถูกขนาบรอบข้าง จนปัญญา ถูกข่มเหง ถูกตีลง เป็นแรงกดดันที่ภาชนะดินต้องเจอ แต่ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว ไม่หมดมานะ ไม่ถูกทอดทิ้ง ไม่ถึงตาย เหล่านี้คือผลที่เราได้รับจากกำลังของพระเยซูที่ทรงอยู่ในเรา

“เราแบกความตายของพระเยซูไว้ที่กายเราเสมอ” (ข้อ 10) นี่คือท่าทีขององค์พระเยซูผู้ทรงตายต่อพระองค์เองทุกวัน และนี่จะเป็นท่าทีของเราได้ด้วย คือการยอมตายต่อความพยายามของตนเอง และเชื่อวางใจในพระองค์ผู้ทรงเติมเต็มและทรงสถิตภายในเรา

“เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในกายของเราด้วย” (ข้อ 10) ผลลัพธ์คือ ความงามของพระเยซูจะปรากฏในภาชนะดินเก่าๆ