เกร็กและอลิซาเบ็ธที่มีลูกวัยเรียน 4 คน จัดให้ครอบครัวมี “ค่ำคืนขำขัน” เป็นประจำช่วงอาหารมื้อเย็น ลูกแต่ละคนจะเล่าเรื่องตลกที่ได้อ่านหรือได้ฟังมา (หรือแต่งเอง) กิจวัตรของการแบ่งปันเรื่องราวที่โต๊ะอาหารสร้างความทรงจำดีๆ ที่สนุกๆ ให้ เกร็กและอลิซาเบ็ธสังเกตเห็นว่าเสียงหัวเราะมีผลดีต่อลูกๆ คือช่วยทำให้จิตใจฟื้นชื่นขึ้นในวันที่ทุกข์ใจด้วย

ซี. เอส. ลูอิสซึ่งเห็นประโยชน์ของบทสนทนาที่มีความสุขที่โต๊ะอาหารกล่าวว่า “ภายใต้ดวงอาทิตย์ไม่มีอะไรดีเท่ากับการที่คนในครอบครัวหัวเราะด้วยกันที่โต๊ะอาหาร”

การส่งเสริมให้มีใจร่าเริงเป็นสติปัญญาที่พบในสุภาษิต 17:22 “ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี แต่จิตใจที่หมดมานะทำให้กระดูกแห้ง” พระธรรมตอนนี้ได้ให้ “ใบสั่งยา” เพื่อช่วยกระตุ้นร่างกายให้แข็งแรงและเยียวยาจิตใจ คือเติมความชื่นชมยินดีลงในใจ ซึ่งเป็นยาที่ราคาประหยัดแต่ให้ผลดียิ่ง

เราทุกคนจำเป็นต้องได้รับใบสั่งยานี้จากพระคัมภีร์ เมื่อเราคุยกันด้วยความชื่นชมยินดีจะทำให้เรามองความขัดแย้งด้วยทัศนคติที่ถูกต้องต่อกันและช่วยให้เรามีสันติสุข แม้จะเพิ่งเสร็จจากการสอบเคร่งเครียดหรืองานหนักจากที่ทำงาน เสียงหัวเราะของคนในครอบครัวและเพื่อนฝูงช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่รู้สึกได้ว่ามีคนรักเรา

คุณต้องการเพิ่มเสียงหัวเราะที่เป็นเสมือน “ยาดี” ของจิตใจให้ชีวิตคุณหรือไม่ จงจดจำไว้ว่า พระคัมภีร์ส่งเสริมให้คุณฝึกจิตใจให้ร่าเริง