บางครั้งชีวิตก็มีเรื่องถาโถมใส่เราอย่างหนัก บางครั้งก็เกิดปาฏิหาริย์ ชายหนุ่มสามคนถูกจับเป็นเชลยในบาบิโลน ได้ยืนต่อหน้ากษัตริย์ผู้น่าเกรงขามและประกาศกล้าว่า ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่นมัสการรูปปั้นทองคำที่อยู่ตรงหน้า “ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาท ผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัติ พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ ข้าแต่พระราชา พระองค์ก็จะทรงช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่าพวกข้าพระบาทก็ไม่…นมัสการปฏิมากรทองคำ” (ดนล.3:16-18)

ชายทั้งสามคือชัดรัค เมชาคและเอเบดเนโกถูกจับโยนเข้าเตาไฟและพระเจ้าทรงช่วยกู้พวกเขาอย่างปาฏิหาริย์ เส้นผมก็ไม่งอและเสื้อผ้าก็ไม่มีกลิ่นควัน (ข้อ 19-27) พวกเขาเตรียมตัวตายแล้ว แต่ความเชื่อในพระเจ้าก็ยังไม่คลอนแคลน “แม้ว่า” พระองค์จะไม่ช่วยพวกเขา

พระเจ้าปรารถนาให้เราติดสนิทกับพระองค์ แม้ว่าคนที่เรารักไม่หายจากโรค แม้ว่าเราตกงาน แม้ว่าเราถูกข่มเหง บางครั้งพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดจากอันตราย และบางครั้งพระองค์ไม่ช่วย แต่ความจริงที่เรายึดมั่นไว้ได้คือ “พระเจ้าผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัติ” ทรงรักและสถิตกับเราในทุกการทดลอง กระทั่งในเวลาที่ “แม้ว่า”