อาหารมื้อค่ำที่เราเลี้ยงต้อนรับครอบครัวซึ่งมาจากห้าเชื้อชาติยังคงเป็นความทรงจำที่พิเศษ เราไม่ได้คุยกันเป็นคู่ๆ แต่เราทุกคนต่างแบ่งปันถึงชีวิตในลอนดอนจากมุมมองของคนที่มาจากหลายๆส่วนของโลกให้กันและกันฟัง เมื่อค่ำคืนนั้นสิ้นสุดลง ฉันและสามีคุยกันว่าเราได้รับมากกว่าที่เราให้ ซึ่งรวมถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ได้จากการบ่มเพาะมิตรภาพใหม่ๆ และการเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูสรุปความคิดของท่านด้วยคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน และบอกผู้อ่านว่าควรต้อนรับแขกแปลกหน้าอยู่เสมอๆ เพราะโดยการกระทำอย่างนี้ “บางคนก็ได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว” (13:2) ท่านอาจหมายถึงอับราฮัมกับนางซาราห์ในปฐมกาล 18:1-2 ซึ่งได้ต้อนรับแขกแปลกหน้าสามคนด้วยใจกว้างขวางและเลี้ยงอาหาร ซึ่งเป็นธรรมเนียมในสมัยของพระคัมภีร์ โดยไม่รู้ว่าพวกเขากำลังต้อนรับทูตสวรรค์ผู้นำสารแห่งพระพรมาให้
เราไม่เชิญให้ใครมาที่บ้านเราโดยหวังจะได้รับอะไรจากพวกเขา แต่เรามักได้รับมากกว่าที่เราให้ ขอพระเจ้าทรงโปรดสำแดงความรักของพระองค์ผ่านเราเมื่อเราต้อนรับผู้อื่นในแบบของพระองค
นิรนาม เมื่อ 05/03/2017 ที่ 8:22 am
ขอขอบพระคุณพระเจ่้า ขอบพระคุณพระบิดา ขอบพระคุณพระบุตร และขอบพระคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์
เมื่อได้อ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ เดิม และใหม่ ในมาระโก ตอนสุดท้าย ในวันนี้ “เกลือเป็นของดี แต่ถ้าเกลือหมดรสเค็มแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ ท่านทั้งหลายจงมีเกลือในตัวและจงอยู่สงบสุข สามัคคีซึ่งกันและกัน”
คุณสมบัติ ลักษณะชีวิต อุปนิสัยในชีวิต เราต้องยอมจำนนต่อถ้อยคำๆที่มาจาก ผู้เขียน ผู้เชื่อ และผู้ได้ยิน นี้แหละ เป็นกุแจๆๆ สามารถที่จะมีชีวิตรอดๆๆ และเป็นชีวิตนิรันดร์ๆๆๆ ขอพระเกียรติพระศิริความสง่าราษี เป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดี่ยว เอเมนๆๆ หรือฮาเลลูยาห์ๆๆ