ชาร์ลส์ โลเวอรี่บ่นให้เพื่อนฟังว่าปวดหลัง เขาต้องการคนที่รับฟังอย่างเห็นใจ แต่กลับได้คำประเมินอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนเขากล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่าปัญหาคืออาการปวดหลัง แต่อยู่ที่พุงต่างหาก พุงนายใหญ่มากจนถ่วงให้หลังเจ็บ”
ชาร์ลส์เขียนในบทความหนึ่งในนิตยสารเรฟ! ว่า เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่โกรธ เขาลดน้ำหนักและปัญหาเรื่องปวดหลังก็หายไป ชาร์ลส์จึงตระหนักว่า “ว่ากันต่อหน้า ดีกว่ารักกันลับๆ บาดแผลที่มิตรทำก็สุจริต” (สภษ.27:5-6)
ปัญหาคือเรามักชอบถูกป้อยอมากกว่ายอมฟังคำวิจารณ์ เพราะความจริงทำให้เจ็บปวด ทั้งยังทำลายความทะนงตน ทำให้เรากระอักกระอ่วน และทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลง
มิตรแท้ไม่ได้ชอบทำร้ายเรา แต่รักเรามากเกินกว่าจะหลอกลวงเรา พวกเขาคือคนที่รักเราและกล้าชี้ให้เราเห็นสิ่งที่เราอาจรู้อยู่แล้วแต่ไม่อยากยอมรับหรือทำตาม พวกเขาไม่ได้พูดเฉพาะสิ่งที่เราอยากได้ยินเท่านั้น แต่พูดสิ่งที่เราจำเป็นต้องได้ยินด้วย
ซาโลมอนเขียนยกย่องมิตรภาพเช่นนี้ไว้ในสุภาษิต พระเยซูทำยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงอดทนกับความเจ็บปวดที่ถูกเราปฏิเสธ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เราตระหนักความจริงเกี่ยวกับตัวเราเท่านั้น แต่ทั้งยังเพื่อสำแดงให้เห็นว่าเราเป็นที่รักยิ่งเพียงใด
นิรนาม เมื่อ 10/12/2016 ที่ 9:25 pm
ผมเคยนะ เพื่อนบอกว่า ไออ้วนมานี่ดิ มันทำให้ผมอายมาก ผมเลยลดนำ้หนักสำเร็จ ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับแผนการของพระองค์
นิรนาม เมื่อ 13/12/2016 ที่ 11:45 am
การถวายทำให้ลูกใด้รับพระพรมากมายเป็น 1,000,000เท่า ภายใน 1ปี และใหลล้นไปอีกหลายคน เพราะวันแรก และเป็นก้าว ข้าพเจ้า รู้จักพระเยซูข้าพเจ้าไม่สงส้ย เชื่อและทำตาม จงเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นน จงมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ
จงเดินไปข้างหน้า อย่าลังเล อย่าถอยหลัง อย่าหัน หลังกลับ
ความสำเร็จ อยุ่แต่มือเราเอื้อมจับ เชื่อและลุยไปเลย