เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ครั้งสุดท้ายในพันธสัญญาเดิม บันทึกไว้ในเอสราและเนหะมีย์ เมื่อพระเจ้าอนุญาตให้ประชากรอิสราเอลกลับจากการถูกเนรเทศ และกลับมาตั้งรกรากในเยรูซาเล็ม มีการสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ และซ่อมแซมกำแพง
เหตุการณ์ต่อเนื่องมาถึงมาลาคี ผู้เผยพระวจนะท่านนี้อยู่ในยุคสมัยเดียวกับเนหะมีย์ ถือเป็นจุดสิ้นสุดของการบันทึกในพันธสัญญาเดิม สิ่งแรกที่ท่านกล่าวแก่ประชาชนอิสราเอลคือ “พระเจ้าตรัสว่า ‘เราได้รักเจ้าทั้งหลาย’” แต่พวกเขากลับตอบว่า “พระองค์ได้ทรงรักข้าพระองค์สถานใด” (มาลาคี 1:2)
ที่น่าแปลกคือ ทั้งที่ประวัติศาสตร์ตลอดหลายร้อยปีได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสัตย์ซื่อและการทรงดูแลของพระเจ้า แต่พวกเขายังถามว่าพระองค์ทรงสำแดงความรักของพระองค์อย่างไร มาลาคีเตือนประชาชนว่าพวกเขาไม่สัตย์ซื่อ (มาลาคี 1:6-8) ประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ซ้ำรอยเดิมคือ พระเจ้าทรงเลี้ยงดูพวกเขา แต่แล้วพวกเขาไม่เชื่อฟัง พระเจ้าจึงทรงลงโทษ
ในมาลาคี 4:5-6 ผู้เผยพระวจนะบอกเป็นนัยว่า อีกไม่นานจะถึงยุคใหม่ มีความหวังในภายภาคหน้าถึงพระเมสสิยาห์ผู้จะเสด็จมา องค์พระผู้ช่วยให้รอดจะทรงสำแดงความรักของพระองค์ และจ่ายค่าไถ่แทนความผิดบาปของเราทุกคน
พระเมสสิยาห์ได้เสด็จมาแล้ว ความหวังของมาลาคีเป็นจริงในพระเยซู
นิรนาม เมื่อ 28/04/2016 ที่ 5:14 pm
ขอขอบพระคุณ พระเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ขอขอบพระคุณพระเยซูคริสต์ และพระผู้ช่วยให้รอด
พระนามของพระองค์ พระสัญญา ผู้ใดเชื่อ ก็จะได้รับชีวิตนิรันดร์
พระเจ้าของข้าพฯ เป็นพระเจ้าของอิสราเอล เป็นพระเจ้าที่ทรงล้ำเลิศ เชื่อ อาเมน