เมื่อตอนเป็นเด็ก ครอบครัวของผมอาศัยอยู่ทางตะวันตกของเมืองดันแคนวิลล์ รัฐเท็กซัส ในบ้านที่พ่อสร้างขึ้นกลางป่าซีดาร์ บ้านของเรามีมุมทำครัวและทานอาหารเล็กๆ ห้องนอน 2 ห้อง และห้องโถงที่มีเตาผิงทำด้วยหินที่มีขนาดใหญ่จนเผาไม้ซีดาร์ยาวสองฟุตได้ เตาผิงนี้คือศูนย์กลางความอบอุ่นของบ้าน

ครอบครัวเรามีกันห้าคน คือ พ่อ แม่ พี่สาว ลูกพี่ลูกน้องของผม และตัวผม เรามีห้องนอนแค่สองห้อง ผมจึงต้องนอนที่ระเบียงโดยใช้ผ้าใบแขวนที่หมุนขึ้นลงได้กั้นไว้ ในฤดูร้อนก็สบายดีแต่ในฤดูหนาวกลับหนาวนัก

ผมจำได้ว่าตัวเองถลาออกจากความอบอุ่นในห้องนั่งเล่นมาที่ระเบียง เขย่งเท้าเปล่าไปบนแผ่นไม้กระดานที่ปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง แล้วกระโดดขึ้นเตียงมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มกองโต เวลามีลูกเห็บ ฝนปนลูกเห็บ หรือหิมะซัดสาดใส่บ้านและเสียงลมพัดผ่านชายคาเหมือนเสียงฝูงหมาป่า ผมจะขดอยู่ในที่นอน “อุตุเหมือนแมลงซุกตัวอยู่ในพรม” อย่างที่แม่เคยพูดไว้ ผมคิดว่าผมเป็นเด็กที่อบอุ่นและปลอดภัยที่สุด

ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าความมั่นคงปลอดภัยที่สุดมาจากพระเจ้า ผมสามารถ “เอนกายลงนอนหลับในความสันติ” (สดุดี 4:8) ด้วยรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นที่กำบังจากพายุแห่งชีวิตที่ทิ่มแทงให้เจ็บปวด ผมนอนอุตุเหมือนแมลงที่ซุกตัวอยู่ในพรมแห่งความรักอันอบอุ่นของพระเจ้า