หลังจากเคธี่ได้หยุดพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์กับลูกสาว และโอลิเวอร์ หลานชายวัย 4 เดือน ก็ถึงเวลากล่าวคำลาจนกว่าจะได้พบกันอีก เธอเขียนถึงฉันเล่าว่า “การได้พบกันอย่างมีความสุขแบบนี้ ทำให้หัวใจของฉันโหยหาแผ่นดินสวรรค์ ที่นั่นเราไม่ต้องพยายามสะสมความทรงจำต่างๆไว้ในใจ ที่นั่นเราไม่ต้องอธิษฐานให้เวลาเดินไปช้าๆ และให้แต่ละวันเนิ่นนาน ที่นั่นคำว่าสวัสดีจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นลาก่อน ที่สวรรค์จะมีแต่การ ‘สวัสดีเสมอไป’ และฉันแทบจะรอไม่ไหว” การมีหลานคนแรกทำให้เธออยากใช้เวลากับโอลิเวอร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้! เธอรู้สึกขอบคุณทุกครั้งที่ได้อยู่กับเขา และที่มีความหวังในแผ่นดินสวรรค์ ซึ่งที่นั่นช่วงเวลาอันแสนสุขจะไม่มีวันสิ้นสุด

วันที่ดีของเรามักสั้นเกินไปเสมอ และวันที่ทุกข์ยากก็ช่างยาวนาน แต่วันทั้งสองแบบทำให้เราเฝ้ารอวันที่ดีกว่าในภายภาคหน้า อัครทูตเปาโลกล่าวว่า ท่านและชาวโครินธ์ปรารถนาที่จะ “รับการคลุมกายด้วยที่อาศัยจากสวรรค์ของเรา เพื่อชีวิตจะกลืนกลบกายที่ต้องตายนั้น” (2 โครินธ์ 5:4 อมตธรรม) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับเราในชีวิตนี้ แต่เราก็ไม่อาจพบพระองค์หน้าต่อหน้า ตอนนี้เราดำเนินชีวิตโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น (2 โครินธ์ 5:7)

พระเจ้าทรงสร้างเราโดยมีพระประสงค์ที่จะให้เราอยู่ใกล้ชิดพระองค์ตลอดเวลา (2 โครินธ์ 5:5) สวรรค์จะเป็นที่ที่เรากล่าวสวัสดีต่อกันเสมอไป