ไม่นานมานี้ ผมเขียนบทความเกี่ยวกับมาร์ลีนภรรยาของผม และโรคน้ำในหูไม่เท่ากันของเธอ เมื่อบทความนั้นถูกตีพิมพ์ออกไป ผมไม่ได้เตรียมตัวรับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากผู้อ่าน ซึ่งส่งกำลังใจ ความช่วยเหลือ คำแนะนำและที่มีมามากที่สุดคือ ความห่วงใยที่มีต่อสุขภาพของเธอ ข้อความเหล่านี้ส่งมาจากทั่วทุกมุมโลก จากทุกสาขาอาชีพและมีมากเสียจนเราไม่สามารถตอบทุกข้อความที่ส่งมาได้ ผมตื้นตันที่ได้เห็นพระกายของพระคริสต์ตอบสนองต่อสิ่งที่มาร์ลีนต้องเผชิญ เรารู้สึกและยังคงรู้สึกซาบซึ้งใจจนถึงทุกวันนี้
โดยแก่นแท้แล้วพระกายของพระคริสต์ควรเป็นเช่นนี้ ความรักความห่วงใยที่มีให้กับพี่น้องในพระคริสต์เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเราได้รับความรักของพระเจ้า พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกระหว่างพระกระยาหารมื้อสุดท้ายว่า “เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา” (ยอห์น 13:34-35)
มาร์ลีนและผมได้สัมผัสความรักความห่วงใยแบบพระคริสต์ผ่านข้อความเหล่านั้นที่เราได้รับ โดยความช่วยเหลือขององค์พระผู้ช่วยให้รอดและเพื่อเป็นการสรรเสริญพระองค์ ให้เราสำแดงให้ผู้อื่นได้เห็นความรักนี้ด้วยกัน – BC
ศิลา ดีเลิศ เมื่อ 29/08/2013 ที่ 1:28 pm
ยอห์น 13:35 ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดั้งนั้นแหละคนทั้งปวงก็จะรู้ว่าเราคือสาวกพระองค์ ครั้งหนึ่งเราได้จะกระทำบ้างสิ่งซึ่งไม่ดีแต่ก่อนที่เราจะทำอะไรเราจะบอกกับเพื่อนก่อน พอเพื่อนมิชชันห้าคนนั้นได้รู้ พวกเขาอดอธิฐานเพื่อเราโดยเราไม่รู้มาก่อนเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ นี้เป็นอีกหนึ่งในการสำแดงความรัก ฮาเลลูยาอาเมน
Kriengkrai เมื่อ 29/08/2013 ที่ 8:05 am
คนทั่วไปจะรักใครมักขึ้นกับความพอใจ แต่สำหรับผู้เชื่อแล้ว จะรักคนตามแบบที่พระเยซูทรงรักเรา